คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ปรับลดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลง 50 สตางค์ต่อลิตร เหลือจัดเก็บ 2.40 บาทต่อลิตร หลังราคาน้ำมันดิบดูไบทรงตัวระดับต่ำ 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล และกองทุนฯ จัดเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันทุกชนิดได้เกือบเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาพรวมเงินกองทุนฯ ติดลบเหลือ -38,083 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติในวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ปรับลดการเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 50 สตางค์ต่อลิตร จากเดิมที่จัดเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลและดีเซล B20 อยู่ 2.90 บาทต่อลิตร เหลือ 2.40 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลเกรดพรีเมียมจากเดิมเก็บอยู่ 4.40 บาทต่อลิตร เหลือ 3.90 บาทต่อลิตร สำหรับราคาจำหน่ายปลีกดีเซลยังเท่าเดิมที่ 31.94 บาทต่อลิตร
ส่วนกลุ่มน้ำมันเบนซินยังคงเรียกเก็บเงินตามอัตราเดิม โดยเบนซินออกเทน 95 ถูกเก็บ 9.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เก็บ 1.80 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เก็บ 3.60 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เก็บ 3 บาทต่อลิตร
ทั้งนี้เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีรายรับมากขึ้นประมาณ 9,409 ล้านบาทต่อเดือน ขณะเดียวกันราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวระดับต่ำ ส่งผลให้ กบน. ตัดสินใจปรับลดการเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลลงดังกล่าว ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. 2568 เป็นต้นไป
โดยสถานะเงินกองทุนฯ ที่ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ได้รายงานล่าสุด ณ วันที่ 8 มิ.ย. 2568 ปรากฏว่า กองทุนฯ เหลือเงินติดลบอยู่เพียง -38,083 ล้านบาท เนื่องจากบัญชีน้ำมันมีเงินไหลเข้าจนส่งผลให้บัญชีเป็นบวกรวม 6,541 ล้านบาท แต่ในส่วนของบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ยังคงติดลบระดับสูงถึง -44,624 ล้านบาท เพื่อชดเชยราคา LPG ให้อยู่ที่ราคา 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม ไปจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2568
อย่างไรก็ตามภาพรวมเงินกองทุนฯ มีแนวโน้มจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. 2568 นี้ หากสถานการณ์เงินไหลเข้ากองทุนฯ ยังอยู่ในระดับประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ขณะที่เงินกู้จากสถาบันการเงินที่กู้มารวม 105,333 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565-2566 ปัจจุบันเหลือหนี้อยู่ 55,277 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา กบน. คาดการณ์ว่าจะชำระหนี้เงินกู้หมดในปี 2571
ด้านค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าน้ำมันเรียกเก็บจากประชาชน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาดที่ 3.23 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.12 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.18 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.16 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 3.35 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.79 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-11 มิ.ย. 2568 อยู่ที่ 2.32 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสมที่ 1.5-2 บาทต่อลิตร)
ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2568 เวลาประมาณ 14.35 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 65.88 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาเพิ่มขึ้น 0.44 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 65.18 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.15 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 66.94 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.07 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล