“กกพ.”สั่งหน่วยงานในกำกับฯ ร่วมแก้ไขผลกระทบการให้บริการกระแสไฟฟ้าที่อาจขัดข้องจากเหตุสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

114
ดร. พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.)
- Advertisment-

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) โดย ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานผลกระทบและความเสียหายจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ (สุรินทร์ 2) จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลนานวน อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ตกในพื้นที่โครงการ ส่งผลให้เกิดหลุมขนาดใหญ่และแผงเซลล์แสงอาทิตย์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ

 “เมื่อช่วงเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 สำนักงาน กกพ. เบื้องต้นได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าสำรวจ ตรวจสอบความเสียหายของโรงไฟฟ้าและผู้ผลิตไฟฟ้า รวมทั้งได้กำชับให้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อเฝ้าระวังและดำเนินการแก้ไขปัญหาผลกระทบในการให้บริการกระแสไฟฟ้าที่อาจขัดข้องที่เกิดจากเหตุพิพาทและการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ให้สามารถประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหากับการไฟฟ้าในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที ดูแลผลกระทบที่อาจเกิดต่อการดำรงชีวิตและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว

ดร.พูลพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่พิพาทดังกล่าวอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักงาน กกพ. ประจำเขต 5 (อุบลราชธานี) ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และสำนักงาน กกพ. ประจำเขต 6 (นครราชสีมา) ซึ่งรับผิดชอบจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ โดยส่วนใหญ่จะมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar), ชีวมวล (Biomass), ชีวภาพ (Biogas) ตลอดจนผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP), ผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) และระบบผลิตไฟฟ้าใช้เอง (IPS) ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งได้เข้าตรวจสอบผลกระทบและความเสียหายต่อโรงไฟฟ้าทุกประเภทในพื้นที่และยังไม่พบผลกระทบหรือความเสียหายเพิ่มเติม

- Advertisment -

ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ. ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และขอแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น พร้อมยืนหยัดดูแลระบบไฟฟ้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงพลังงานได้อย่างต่อเนื่อง

สำนักงาน กกพ. ขอให้พี่น้องประชาชนวางใจ โดยสำนักงานฯ ยังคงติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง และมีความพร้อมเต็มที่ในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลลดผลกระทบที่อาจเกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ดังกล่าวให้มีผลกระทบและความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าระบบผลิตไฟฟ้ายังสามารถเดินเครื่องและผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าสู่ระบบได้อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามพื้นที่เขต 5 จังหวัดศรีสะเกษ ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าจำนวน 6 แห่ง กำลังการผลิตรวม 31.03 เมกะวัตต์ และพื้นที่เขต 6 จังหวัดสุรินทร์ มีโรงไฟฟ้าจำนวน 11 แห่ง กำลังการผลิตรวม 122.76 เมกะวัตต์ 

ทั้งนี้ ประเทศกัมพูชามีพรมแดนติดกับประเทศไทยจำนวน 7 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อุบลราชธานี, จันทบุรี และตราด โดยจังหวัดสระแก้วมีพรมแดนที่ติดกับกัมพูชามากที่สุด คือ จังหวัดบันทายมีชัย

หากประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบหรือพบปัญหาไฟฟ้าขัดข้อง เช่น ไฟตกหรือไฟดับ สามารถแจ้งเหตุได้ที่ศูนย์ให้บริการด้านข้อมูลข่าวสาร โทร. 1204 หรือ โทรศัพท์ 0-2207-3599 นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่าน LINE Official Account “@ERCvoice” โดยเพิ่มเพื่อนในแอป LINE และค้นหาคำว่า ERCvoice หรือสแกน QR Code เพื่อเข้าสู่บัญชีทางการของ กกพ. ได้อีกหนึ่งช่องทาง

Advertisment