อาจเป็นเรื่องยากที่จะบอกอย่างชัดเจนว่าทิศทางราคาน้ำมันโลกในปี 2026 จะเป็นอย่างไร แต่ผู้เชี่ยวชาญในงานสัมมนา 2025 The Annual Petroleum Outlook Forum “SHAPING THE FUTURE : In an uncertainty world through sustainable pathway” เพื่อเตรียมความพร้อมในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ที่จัดโดยกลุ่ม ปตท. และกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นฯ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ได้พยายามวิเคราะห์ถึงปัจจัยภายนอกและภายใน และปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก เพื่อให้ได้ผลพยากรณ์ที่ใกล้เคียงความเป็นจริงได้มากที่สุด โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Experts) กล่าวถึงเศรษฐกิจโลกว่ากำลังเผชิญแรงกดดันสองด้าน ทั้งจากอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอเพราะผลกระทบจากกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาและการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ประกอบกับอุปทานจากประเทศกลุ่ม OPEC+ และ Non-OPEC+ ที่เพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุปทานล้นตลาด จึงคาดว่าราคาน้ำมันดิบในปี 2569 จะยังอยู่ในกรอบ 60 – 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
โดยในงานดังกล่าว มี ดร. คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และได้ระดมผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ประกอบด้วย ดร. กอบศักดิ์ ฟูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Shifting Tides: Navigating Economic Trends In Global, Asia and the Thai Region” และรับฟังการวิเคราะห์สถานการณ์แนวโน้มพลังงานในอนาคต (Market Outlook Session) โดย PRISM Expert จากกลุ่ม ปตท. โดยคุณภัสสร์ ข้อมงคลอุดม บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ในหัวข้อ “Oil Demand and Supply 2026: The Shift of World’s Order” และคุณภานุเดช แสนทวีสุข บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในหัวข้อ “Future Energy: Accelerating Transition, Balancing Tomorrow” รวมถึงมีเวทีเสวนาในหัวข้อ “Future Energy of Thailand: Shaping the New Landscape in an Uncertainty World” โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านร่วมเสวนา ได้แก่ ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมการเปลี่ยงแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ศ.ดร.พิสุทธิ์ เพียรมนกุล รองคณบดีด้านความยั่งยืนและการมีส่วนร่วมของสังคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการสถาบันคาร์บอนเพื่อความยั่งยืน (CBiS) คุณรัฐกร กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ความยั่งยืนองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และคุณรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)
และที่น่าสนใจในงานประชุมครั้งนี้ คือมีการจัดแสดงบอร์ดนิทรรศการหน้าห้องประชุม เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับทราบถึงทิศทาง กลยุทธ์ และโครงการลงทุนที่สำคัญของกลุ่มองค์กรในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อาทิ กลุ่ม ปตท. กลุ่มบางจาก และโตโยต้า ที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงแห่งการเปลี่ยนผ่านพลังงานสู่ความยั่งยืน
โดยกลุ่ม ปตท. จัดแสดง PTT Net Zero Pathway เพื่อให้ข้อมูลการดำเนินงานในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการผลักดันโครงการต่างๆ อาทิ โครงการพัฒนาการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Storage – CCS) ที่มีการศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้แหล่งอาทิตย์ซึ่งผลิตก๊าซธรรมชาติจนหมดแล้วเป็นแหล่งกักเก็บ คาดว่าจะ COD ในปี 2028 โดยมี capacity 1 ล้านตันต่อปี โครงการ Eastern Thailand CCS Hub ที่จะ COD ในปี 2023 ด้วยกำลังการผลิตเป้าหมายกว่า 5 ล้านตันต่อปี และโครงการพัฒนา Hydrogen Value Chain ของกลุ่ม ปตท. ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงอุตสาหกรรมปลายน้ำ เพื่อตอกย้ำทิศทางการเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ของกลุ่ม นอกจากนั้น ยังมีการจัดแสดงทิศทางการดำเนินงานของบริษัทในกลุ่มที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลดคาร์บอน รวมถึงการพัฒนาพลังงานสะอาดและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะที่สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ได้มาจัดแสดงผลการเดินเครื่อง Thailand Tokamak-1 เพื่อศึกษาวิจัยเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชั่น ซึ่งได้เปิดเดินเครื่องอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 นอกจากนั้น กลุ่มบางจาก ยังได้จัดป้ายนิทรรศการเพื่อแสดงทิศทางการขยายขอบเขตการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความยั่งยืน ส่วนโตโยต้าได้แสดงการเตรียมความพร้อมหลากหลายแนวทางเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน
