ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้น กบน. สั่งลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ สำหรับผู้ใช้ดีเซลลง 45 สตางค์ต่อลิตร และกลุ่มเบนซินลง 30 สตางค์ต่อลิตร

47
- Advertisment-

คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับลดการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ลง โดยปรับลดกลุ่มดีเซลลง 45 สตางค์ต่อลิตร และกลุ่มเบนซินลง 30 สตางค์ต่อลิตร หลังราคาน้ำมันโลกเริ่มสูงขึ้น ที่ผ่านมา กบน. อนุมัติเงินกองทุนฯ ช่วยพยุงราคาดีเซล 5 วัน ช่วงสงครามอิหร่าน-อิสราเอล ปัจจุบันไม่มีการชดเชยราคาน้ำมันแล้ว และเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ เพียงอย่างเดียว ขณะที่ภาพรวมเงินกองทุนน้ำมันฯ เหลือติดลบอยู่ -32,856 ล้านบาท มาจากการชดเชย LPG เป็นหลัก   

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2568 ให้ปรับลดการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ลง โดยปรับลดกลุ่มดีเซลลง 45 สตางค์ต่อลิตร และกลุ่มเบนซินลง 30 สตางค์ต่อลิตร ทำให้เหลือการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลเพื่อส่งเข้ากองทุนฯ 0.90 บาทต่อลิตร และดีเซลเกรดพรีเมียม 2.40 บาทต่อลิตร ส่วนกลุ่มเบนซินลดเก็บเงินเฉพาะผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 , แก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ E20 ลง  30 สตางค์ต่อลิตร เหลือเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95และ 91 อยู่ 3 บาทต่อลิตร ส่วนแก๊สโซฮอล์ E20 เหลือเก็บอยู่ 1.90 บาทต่อลิตร

ส่วนน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ยังเรียกเก็บเท่าเดิมที่ 9.60 บาทต่อลิตร และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 เรียกเก็บเท่าเดิมที่ 3.60 บาทต่อลิตร

- Advertisment -

ขณะที่ภาพรวมเงินกองทุนน้ำมันฯ เหลือยอดเงินติดลบอยู่ -32,856 ล้านบาท ซึ่งมาจากการชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ส่งผลให้บัญชี LPG  ติดลบรวม -44,130 ล้านบาท ขณะที่บัญชีน้ำมันมีรายรับมากขึ้นจากการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันส่งเข้ากองทุนฯ ทำให้บัญชีน้ำมันมียอดเงินสะสม 11,274 ล้านบาท

ด้านค่าการตลาดน้ำมันที่ผู้ค้าน้ำมันเรียกเก็บจากประชาชน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 9 ก.ค. 2568 เปลี่ยนแปลงดังนี้ ค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูง โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาด 3.70 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.45 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.51 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.50 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 4.40 บาทต่อลิตร, ดีเซล อยู่ที่ 1.93 บาทต่อลิตร  โดยเฉลี่ยค่าการตลาดระหว่าง 1-9 ก.ค. 2568 อยู่ที่ 2.31 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่เหมาะสม 1.5-2 บาทต่อลิตร)

ขณะที่สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกล่าสุด ณ วันที่ 9 ก.ค. 2568 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 70.33 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ราคาเพิ่มขึ้น 0.80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 68.58 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.23 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 70.43 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.28 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากองทุนน้ำมันฯ ได้เข้าไปช่วยพยุงราคาดีเซลไว้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2568 เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ที่ทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นกองทุนฯ ต้องนำเงินไปพยุงราคาดีเซลถึง 5 วัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือนที่ กบน. ต้องควักเงินกองทุนฯ มาพยุงราคาดีเซลไว้ไม่ให้ราคาจำหน่ายปลีกเกิน 33 บาทต่อลิตร โดยหลังจากสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกเริ่มดีขึ้นช่วงปลายเดือน มิ.ย. 2568 กองทุนฯ ก็กลับมาเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กบน. ได้คาดการณ์ว่า เงินกองทุนฯ มีแนวโน้มจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ประมาณเดือน ต.ค.-พ.ย. 2568 นี้ หากสถานการณ์เงินไหลเข้ากองทุนฯ ยังอยู่ระดับประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ขณะที่เงินกู้จากสถาบันการเงินที่กู้มารวม 105,333 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565-2566  ปัจจุบันเหลือหนี้อยู่ 55,277 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา กบน. คาดการณ์ว่าจะชำระหนี้เงินกู้หมดในปี 2571

Advertisment