พลังงานจับมือ ปตท.-กฟผ.จัดสุดยอดงานประชุมและแสดงนวัตกรรมแห่งปี Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024

- Advertisment-

กระทรวงพลังงาน ร่วมกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมและงานแสดงนวัตกรรมพลังงานแห่งปี 2024 หรือ Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024 ที่เป็นการรวมตัวของสุดยอดผู้นำด้านพลังงานกว่า 2.2 หมื่นราย จาก 70 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย เทคโนโลยี และการลงทุน พร้อมพบกับการจัดโชว์สุดยอดนวัตกรรมด้านพลังงานอันทันสมัย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 15-17 พ.ค. 2567 นี้

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2567 กระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ดีเอ็มจี อีเวนท์ จำกัด ร่วมกันจัดงานประชุมและจัดแสดงนวัตกรรมพลังงานแห่งปี “Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024” ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน นักลงทุน และนักนวัตกรรมระดับนานาชาติมากกว่า 22,000 ราย จาก 70 ประเทศทั่วโลก ร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย เทคโนโลยี และการลงทุน เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและความยั่งยืนในระดับประเทศและภูมิภาค ภายใต้ปัจจัยการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด

โดยภายในงาน Future Energy Asia จะจัดโชว์รูมที่รวบรวมผลิตภัณฑ์สินค้า บริการ และโซลูชันด้านพลังงานที่ล้ำสมัย ส่วนงาน Future LNG Asia Summit จะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ,Future Mobility Asia Exhibition and Summit นิทรรศการและงานประชุมสุดยอดผู้นำด้านกลยุทธ์ ทั้งนี้งาน Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 17 พ.ค. 2567 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

- Advertisment -

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานประชุมและนิทรรศการ Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024 โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะมุ่งส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาคเอเชีย ผ่านการหารือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนการนำเสนอความก้าวหน้าของนวัตกรรมพลังงาน ระหว่างประเทศผู้นำด้านพลังงานและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งจะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานสะอาดทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานมุ่งเน้นการดำเนินนโยบายด้านพลังงาน การพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และการส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2065 ตลอดจนเร่งผลักดันให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามความท้าทายด้านพลังงานทั้ง 3 ประการ (Energy Trilemma) ซึ่งประกอบไปด้วย การสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน การเข้าถึงพลังงานในราคาที่เหมาะสม และพลังงานที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวในหัวข้อ “วิสัยทัศน์ของ ปตท.สู่การเปลี่ยนผ่านพลังงานใน LNG พลังงานทดแทน และห่วงโซ่มูลค่า EV” โดยระบุว่า ปตท.มีภารกิจมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ขับเคลื่อนอนาคตของพลังงานสู่ความยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก กับการก้าวไปอีกขั้นในเรื่องการเพิ่มความหลากหลายไปสู่พลังงานหมุนเวียน โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้มีน้อยที่สุด โดยมุ่งหวังที่จะเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและสร้างความก้าวหน้าในการวิจัยในสาขาที่สำคัญเหล่านี้ ผ่านความร่วมมือระหว่างประเทศ อีกทั้งยังเล็งเห็นถึงการจัดเก็บพลังงาน การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของระบบพลังงาน บทบาทที่ก้าวหน้าของ LNG (Energy Transition in LNG) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผสมผสานพลังงานในอนาคต และการเพิ่มขึ้นของยานพาหนะไฟฟ้าที่ส่งสัญญาณถึงยุคใหม่ของการเติบโตและเพิ่มโอกาส

ดังนั้น นิทรรศการและงานประชุม Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024 ครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญของทั้งภูมิภาคอาเซียนในการบูรณาการความร่วมมือในทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนอนาคตเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานไปพร้อมกัน

“ปตท.ประเมินว่า ความต้องการใช้ก๊าซ LNG ของไทยในช่วง 1-2 ปีนี้ จะอยู่ที่ระดับ 10-11 ล้านตันต่อปี เนื่องจากดีมานด์ในปีนี้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่ราคาLNG ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับบวกลบประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู โดยปีนี้น่าจะทำสัญญาจัดหา LNG ได้กว่าระดับ 50%ของความต้องการใช้ทั้งปีแล้ว เพื่อความมั่นคงด้านเชื้อเพลิง” นายวุฒิกรกล่าว

นายคริสโตเฟอร์ ฮัดสัน ประธานบริษัท ดีเอ็มจี อีเว้นท์ โกลบอลล์ เอนเนอร์ยี กล่าวว่า งานประชุมและนิทรรศการ Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024 เป็นที่สุดของงานประชุมด้านพลังงานและนวัตกรรมยานยนต์แห่งภูมิภาคเอเชีย จัดขึ้นภายใต้แนวคิดทางออกของเอเชียต่อความท้าทายด้านพลังงานของโลก (Asia’s Solution to the World’s Energy Challenges) โดยเป้าหมายสำคัญคือการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย เทคโนโลยี และการลงทุนด้านพลังงาน สู่การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและความยั่งยืนในระดับประเทศและภูมิภาค โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 22,000 คน ผู้ร่วมประชุม 2,500 คน วิทยากร 600 คน และบริษัท 350 แห่งจากกว่า 70 ประเทศ ทั้งนี้

“งานดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ถึงความเป็นผู้นำของเอเชียในการเจรจาด้านพลังงานระดับโลก ส่งเสริมความร่วมมือที่อาจจะกำหนดอนาคตของการผลิตและการใช้พลังงาน ตลอดจนตอกย้ำบทบาทสำคัญของเอเชียในการขับเคลื่อนโลกสู่เส้นทางพลังงานที่สะอาดขึ้น เชื่อถือได้มากขึ้น และยั่งยืน”

สำหรับภายในงาน ประกอบด้วยเวทีการอภิปรายของผู้กำหนดนโยบายพลังงาน (ERF) ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ทั้งนี้ กกพ. ในฐานะผู้นำร่องการใช้พลังงานหมุนเวียนและโซลูชันด้านความยั่งยืนทางพลังงาน จะเป็นผู้สนับสนุน การประชุมผู้กำกับดูแลพลังงานประจำปี (ERRA) ในครั้งนี้ ด้วยการส่งสมาชิกเข้าร่วมเวทีการประชุม ERC Forum สำหรับหน่วยงานกำกับดูแลจากภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะช่วยเน้นย้ำถึงการพัฒนาการใช้พลังงานหมุนเวียนภายในภูมิภาค

ทั้งนี้ Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024 จัดขึ้นโดยกลุ่ม ปตท., การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ บริษัท ดีเอ็มจี อีเวนท์ จำกัด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้สนับสนุนหลัก ADNOC และ ปตท.สผ. ในการจัดแสดงนวัตกรรมที่ก้าวล้ำและกรอบนโยบายที่จะเป็นแนวทางในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

นายธวัชชัย สำราญวานิช รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า  ในฐานะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานที่มีเป้าหมายหลักในการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน และ เป็นผู้นำในการบูรณาการเทคโนโลยีล้ำสมัยและทรัพยากรหมุนเวียน เพื่อเปลี่ยนแปลงกรอบการทำงานด้านพลังงานของเอเชีย การประชุมสุดยอดครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแบ่งปันความก้าวหน้าและความสำเร็จในการทำงานร่วมกัน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทเชิงรุกของเอเชียในการตอบสนองความต้องการพลังงานทั่วโลกและเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ กฟผ.ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความผันผวนของวงการพลังงานที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์พลังงานโลกในปัจจุบัน โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานนี้ จึงมีการจัดหาพลังงานสีเขียวควบคู่ไปกับการเตรียมแหล่งพลังงานทดแทนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพด้านพลังงาน ความมั่นคง และความยั่งยืนด้านพลังงานในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการวิจัยและพัฒนาพลังงาน จึงมีการขยายความร่วมมือเพื่อปูทางสู่พลังงานสีเขียวในอนาคต

การเข้าร่วมประชุมสุดยอดครั้งนี้จะเป็นอีกก้าวที่สำคัญของเราในการมีส่วนร่วมกำหนดเส้นทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเอเชียยังคงเป็นสัญญาณแห่งความก้าวหน้าและเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในการร่วมกันแก้ปัญหาความท้าทายด้านพลังงานของโลก

สำหรับนิทรรศการและงานประชุม Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024: Asia’s Solution to the World’s Energy Challenges จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 17 พ.ค. 2567 ณ Exhibition Hall 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของงานเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์  www.futureenergyasia.com และ https://www.future-mobility.asia/ และช่องทางโซเชียลมีเดีย @futureenergyasia

Advertisment