นักลงทุนแห่จองหุ้นกู้ BGRIM สูงกว่าสองเท่า มูลค่า 9,700 ล้านบาท

460
- Advertisment-

BGRIM ขายหมดเกลี้ยง หุ้นกู้ 9,700 ล้านบาท ชี้นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นและตอบรับดีจากแผนธุรกิจของบริษัทฯ คุ้มค่าแก่การลงทุน รวมถึงอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม ทำให้มียอดจองเกินกว่าสองเท่า ระบุนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ไปรีไฟแนนซ์เงินกู้จากสถาบันการเงิน และรองรับแผนการลงทุนในอนาคต

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทมีแผนระดมเงินผ่านการออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดไม่ด้อยสิทธิและไม่มีประกัน มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาทนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง โดยแม้จะเป็นการเสนอขายหุ้นกู้หลังจาก IPO เป็นครั้งแรก ท่ามกลางสภาวะตลาดที่อัตราดอกเบี้ยมีความผันผวนและปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังคงได้รับผลตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี โดยมีผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ แสดงความจำนงในการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเกินกว่าที่บริษัทมีแผนเสนอขายถึง 2 เท่า ทำให้บริษัทตัดสินใจ เพิ่มยอดการเสนอขายหุ้นกู้เป็น 9,700 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นกับบริษัท

โดยหุ้นกู้ชุดใหม่นี้มีจำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.81% จำนวน 500 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 3 ปี  อัตราดอกเบี้ย 3.12% จำนวน 2,700 ล้านบาท หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.49% จำนวน 1,500 ล้านบาท และหุ้นกู้อายุ  10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.36% จำนวน 5,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ทั้ง 4 ชุด ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อมั่นในระดับ A- จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561

- Advertisment -

ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่ และมีกำหนดการจองซื้อในวันที่ 17-18 ตุลาคม 2561 และจัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 19 ตุลาคม 2561  โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

นางปรียนาถ กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ไปใช้ชำระหนี้เดิมของบริษัท และ/หรือ ใช้สำหรับการลงทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของบริษัท โดยหุ้นกู้ที่บริษัทจัดออกในครั้งนี้มีต้นทุนที่เหมาะสม และ การสนับสนุนจากผู้ลงทุนในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในบริษัท ทั้งด้านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงและยาวนานในธุรกิจ ความเป็นผู้นำด้านการดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ซึ่งบริษัทได้ดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงในประเทศไทยมายาวนานกว่า 140 ปี และจะเติบโตคู่กับประเทศไทยต่อไป

Advertisment