ครม.อนุมัติตั้ง 5 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการปิโตรเลียม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ในการให้คำแนะนำรัฐมนตรีให้สัมปทานปิโตรเลียม ต่อระยะเวลาสำรวจและผลิตปิโตรเลียม การอนุญาตให้โอนสัมปทาน หรือ เพิกถอนสัมปทาน การกำหนดพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม ขยายระยะเวลาเริ่มผลิตและการทำความตกลงราคาขายก๊าซธรรมชาติ
วันนี้ (19 สิงหาคม 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการปิโตรเลียม จำนวน 5 คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระเนื่องจากขอลาออก และดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ดังนี้
1. ศาสตราจารย์พิเศษพล ธีรคุปต์
2. นางเปรมฤทัย วินัยแพทย์
3. นายพิพัฒน์ เหล่าวัฒนบัณฑิต
4. นายปราโมช รังสรรค์วิจิตร
5. นายณฏฐพล วุฒิพันธุ์
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป
สำหรับบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการปิโตรเลียม ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินกิจการปิโตรเลียมในประเทศไทย จะมีอำนาจ หน้าที่ที่ระบุไว้ตามพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม 7 ข้อ ดังนี้
(1) ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรี ในการให้สัมปทานปิโตรเลียม ต่อระยะเวลาสำรวจและผลิตปิโตรเลียม อนุญาตให้ผู้รับสัมปทานรับบริษัทอื่นเข้าร่วมประกอบกิจการปิโตรเลียม อนุญาตให้โอนสัมปทาน เพิกถอนสัมปทาน เป็นต้น
(2) ให้ความเห็นชอบแก่อธิบดี ในการขยายอายุสัมปทาน อนุมัติการกำหนดพื้นที่ผลิตปิโตรเลียม อนุญาตให้ขยายระยะเวลาเริ่มผลิต ให้ความเห็นชอบแผนงานและประมาณการค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ในการประกอบกิจการปิโตรเลียม เป็นต้น
(3) ทำความตกลงราคาขายก๊าซธรรมชาติในราชอาณาจักร
โดยเป็นการขายก๊าซธรรมชาติที่ผลิตได้ เพื่อใช้ภายในราชอาณาจักรให้ผู้รับสัมปทานขายในราคาที่ตกลงกับคณะกรรมการปิโตรเลียมโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี ซึ่งราคาที่ตกลงต้องไม่สูงกว่าราคาเฉลี่ยของก๊าซธรรมชาติที่ส่งออกนอกราชอาณาจักร
(4) คณะกรรมการปิโตรเลียมมีอำนาจอนุญาตให้ผู้รับสัมปทานถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินได้เท่าที่จำเป็น และการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้มาต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการปิโตรเลียม
(5) มีคำสั่งเกี่ยวกับการนำคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร
(6) มีคำสั่งเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์โดยได้รับยกเว้นอากรขาเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม
(7) ดำเนินการอื่นตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้