กรมเชื้อเพลิงฯ เตรียมเปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบ 26 ฝั่งทะเลอันดามัน

107
- Advertisment-

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เตรียมเสนอรัฐมนตรีพลังงานใหม่ พิจารณาเปิดสำรวจฯ ปิโตรเลียม รอบที่ 26 ในทะเลฝั่งอันดามัน คาดมีศักยภาพสูง เหตุอินโดนีเซียสำรวจพบปิโตรเลียมในทะเลฝั่งอันดามันแล้วและอยู่ใกล้พื้นที่ที่ไทยจะเปิดสำรวจ คาดเริ่มปลายปี 2568 หรือ ต้นปี 2569 มั่นใจบริษัทต่างชาติแห่ชิงสิทธิ์สำรวจฯ ขณะที่การเปิดสำรวจฯปิโตรเลียมรอบที่ 25 คาดว่า จะได้รายชื่อผู้ชนะภายในเดือน ธ.ค. 2568

นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมนำเสนอ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณาเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รอบที่ 26 บริเวณทะเลน้ำลึก ฝั่งอันดามัน คาดว่าจะเริ่มเปิดให้ผู้ที่สนใจศึกษาข้อมูลในปลายปี 2568 นี้ หรือ ต้นปี 2569 ซึ่งที่ผ่านมาเคยเปิดสำรวจมาแล้วเมื่อปี 2548 แต่ยังไม่มีการขุดพบปิโตรเลียมแต่อย่างใด ขณะที่ปัจจุบันเทคโนโลยีการขุดเจาะและสำรวจพัฒนาขึ้นมาก ทำให้การสำรวจปิโตรเลียมบริเวณทะเลน้ำลึก ฝั่งอันดามัน มีความท้าทายและน่าสนใจมากขึ้น

โดยเบื้องต้น กรมฯ คาดว่าการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 26 น่าจะได้รับความสนใจอย่างมากจากบริษัทต่างชาติรายใหญ่ เนื่องจากอินโดนีเซีย มีการสำรวจพบปิโตรเลียมขนาดใหญ่ในฝั่งทะเลอันดามัน และส่วนใหญ่เป็นก๊าซธรรมชาติ โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียม ประมาณ 7 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต (Tcf) ซึ่งเป็นแหล่งที่มีศักยภาพมาก และอยู่ใกล้กับบริเวณที่ไทยจะเปิดสำรวจในฝั่งอันดามัน ที่น่าจะมีความคุ้มค่าต่อการลงทุนได้ อีกทั้งทางอินโดนีเซียเองก็เตรียมที่จะขยายพื้นที่เปิดสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มเติม ดังนั้นผู้ประกอบการธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่ของโลก จึงหันมาให้ความสนใจแหล่งสัมปทานในฝั่งทะเลอันดามันมากขึ้น จึงมั่นใจว่าช่วงนี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมที่จะเปิดให้มีการยื่นขอสิทธิ์สำรวจฯ เพื่อดึงดูดนักลงทุน

- Advertisment -

“การเปิดสำรวจปิโตรเลียม รอบที่ 26 จะเน้นลักษณะแปลงใหญ่ แต่จะเป็น 1 แปลง หรือ หลายแปลงนั้น ยังต้องดูความเหมาะสม ซึ่งหากเปิดเป็นลักษณะแปลงเล็กจะไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่จะลงทุน เพราะเป็นพื้นที่ที่ต้องใช้เงินลงทุนมาก มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากปัจจุบันยังมีข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่แปลงสำรวจในฝั่งอันดามันค่อนข้างน้อย และเป็นข้อมูลเก่า แต่เชื่อว่าหากมีการสำรวจพบปิโตรเลียมในฝั่งอันดามัน จะมีปริมาณปิโตรเลียมมากกว่าแหล่งอาทิตย์เป็นเท่าตัว”

อย่างไรก็ตามการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 26 กรมฯจะดำเนินการให้รัดกุม โดยหลีกเลี่ยงพื้นที่อ่อนไหว เพื่อลดปัญหาในการดำเนินการต่างๆ ซึ่งพื้นที่สำรวจเบื้องต้นควรจะเป็นพื้นที่น้ำลึกระดับ 250 เมตรขึ้นไป เป็นต้น 

ส่วนความคืบหน้าการเปิดให้ยื่นขอสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (รอบที่ 25) ยังเป็นไปตามแผน ที่คาดว่าจะได้ชื่อผู้ชนะภายในเดือน ธ.ค. 2568 หลังจากผลของการเปิดให้ยื่นขอสิทธิฯ รอบที่ 25 ระหว่างวันที่ 1 – 16 ก.ค. 2568 มีจำนวน 8 คำขอ และมีผู้ที่ยื่นขอสิทธิ์ฯ จำนวน 5 ราย ได้แก่

1.บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 3 คำขอ

2.บริษัท แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด และ บริษัท CanAsia Energy Corp.   จำนวน 1 คำขอ

3.บริษัท จีโอเมคคานิคอล เซอร์วิสเซส จำกัด จำนวน 1 คำขอ

4.บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1 คำขอ

5.บริษัท ยูเอซี ยูทิลิตีส์ จำกัด จำนวน 2 คำขอ

ทั้งนี้หลังจากกรมฯ ได้รายชื่อผู้ยื่นขอสิทธิ์ฯ แล้ว จะพิจารณาและประเมินข้อเสนอของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด อย่างรอบคอบ โปร่งใส และเป็นธรรม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 2568 หลังจากนั้นจะนำเสนอผลการคัดเลือกต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติ และเมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้ว กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จะดำเนินการประกาศผลผู้ชนะและลงนามในสัญญาสัมปทานต่อไป

สำหรับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม แปลงสำรวจบนบก รอบที่ 25 นี้ แบ่งเป็น 9 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 7 แปลง บริเวณจังหวัดหนองบัวลำภู อุดรธานี ขอนแก่น สกลนคร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด และสุรินทร์ ซึ่งส่วนใหญ่มีศักยภาพด้านก๊าซธรรมชาติ และพื้นที่ภาคกลาง 2 แปลง บริเวณจังหวัด เพชรบูรณ์ ลพบุรี ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม และสุพรรณบุรี ส่วนใหญ่มีศักยภาพด้านน้ำมัน รวมขนาดพื้นที่ 33,444.64 ตารางกิโลเมตร โดยคาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนในครั้งนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท

Advertisment