เอกชนเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของร่างแผนPDPใหม่ พาประเทศไทยไปรอด ด้วยพลังงานสะอาด

192
- Advertisment-

 “คณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ“ที่มีนาย นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นประธาน ยังคงเดินหน้าเร่งจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาวของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ ซึ่งตัวแทนภาคเอกชนด้านพลังงานระบุ เริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ในการร่วมกันออกแบบแผนPDP ที่จะพาประเทศไทยไปให้รอดด้วยพลังงานสะอาด ในขณะที่ สนพ.ตั้ง 7 ประเด็นที่ต้องเคลียร์กันให้ชัดเจน 

แม้ว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี จะยุบสภาไปเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา และปัจจุบันเป็บคณะรัฐมนตรีรักษาการ แต่ คณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ“ที่มีนาย นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นประธานที่แต่งตั้งโดยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ยังคงเดินหน้าทำหน้าที่เร่งจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จ  เพื่อให้นำมาใช้ทดแทน แผนPDP2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่ใช้อย่างเป็นทางการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งไม่ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน และไม่เป็นแผนที่ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน  แม้ว่าขั้นตอนในการอนุมัติเพื่อให้ แผนPDP ฉบับใหม่ที่ถูกนำมาใช้ได้จริงจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ก่อนก็ตาม 

นายนที สิทธิประศาสน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท)

ล่าสุด นายนที สิทธิประศาสน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท) ซึ่งร่วมอยู่ในคณะอนุกรรมการพยากรณ์และจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ  กล่าวบนเวทีคอนเสิร์ตกระชับมิตร ” เพื่อนชวนเพื่อน มาฮีลใจ “ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 ธันวาคม 2568 เพื่ออัพเดทความคืบหน้าการจัดทำแผนPDP ฉบับใหม่ ให้กับภาคเอกชนที่มาร่วมงานคอนเสิร์ต ได้รับทราบว่า ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้เร่งจัดทำแผนโดยนัดประชุมกันทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อหวังให้แผนแล้วเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย จาก กบง.

- Advertisment -

โดยเขามองว่า แผนPDP ฉบับใหม่ หากออกแบบไม่ดี จะวิกฤตของประเทศ แต่ในทางกลับกัน หากออกแบบให้ดี สามารถสนองความต้องการเรื่อง Green Supply Chain เพิ่มสัดส่วนไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ไฟฟ้าสีเขียว พลังงานสะอาด ให้มีใช้อย่างเพียงพอ แผนPDP ฉบับใหม่ จะกลายเป็นโอกาส ที่จะช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ 

“ที่ผมได้มีส่วนร่วมจัดทำแผนPDP ฉบับใหม่ อยากจะบอกว่า เราเริ่มเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ ว่าแผนจะออกมาตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้  คณะร่างแผน PDP ที่ตั้งมายังทำงานอยู่ แม้ว่ารัฐบาลจะยุบสภาไปแล้ว เราประชุมกันทุกอาทิตย์  อาทิตย์ละ 3 วันเร่งทำให้เสร็จ  ในส่วนของตัวแทนภาคเอกชนที่เข้าไปนั่งอยู่ในคณะอนุกรรมการ จะพยายามผลักดันเต็มที่ ไม่ใช่แค่เพื่อถาคเอกชน แต่ทำเพื่อประเทศไทย ถ้าเรามีแผนที่ดี มีพลังงานสะอาดใช้อย่างพอเพียง ประเทศไทยไปรอดแน่ “ นายนที กล่าว ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากผู้ที่มาร่วมงานคนเสิร์ต

วัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ในวันบรรยายหัวข้อ “แผน PDP ใหม่ตอบ โจทย์อนาคตพลังงานประเทศ” ในวาระครบรอบการดำเนินงาน 10 ปี ของ ศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC)

ก่อนหน้านี้ นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้ไปบรรยายหัวข้อ “แผน PDP ใหม่ตอบ โจทย์อนาคตพลังงานประเทศ” ในวาระครบรอบการดำเนินงาน 10 ปี ของ ศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) โดยระบุถึงสาระการประชุมของคณะอนุกรรมการฯนัดแรก เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมมีการเสนอทำแผนใหม่ที่จะสิ้นสุดแผนในปี ค.ศ. 2040 (พ.ศ. 2583) จากเดิมกำหนดไว้สิ้นสุดปี ค.ศ. 2037 (พ.ศ. 2580) แต่ทางสนพ.เสนอให้ทำไปถึงปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) ซึ่งสอดรับกับเป้าหมาย Net Zero 2050 ของประเทศ โดยแผนPDP ควรที่จะนำมาทบทวนได้ทุก 3-5 ปี หากเศรษฐกิจ ปัจจัยต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยี เปลี่ยนแปลง

สำหรับแผน PDP ฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการจัดทำ ถือเป็นแผนจัดหาไฟฟ้าโดยภาครัฐ เป็นการซื้อไฟฟ้าจากระบบส่งไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และจำหน่ายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แต่สิ่งที่ทางสนพ.มองเห็นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้ไฟฟ้าออกจากระบบไฟฟ้า โดยหันไปใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ช่วงกลางวัน โดยไม่ซื้อไฟฟ้าจากระบบ แต่ก็ยังขอการสำรองไฟฟ้าจากระบบอยู่ ฉะนั้นการวางแผน PDP ฉบับใหม่จึงมีความยากและซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงมีสิ่งที่เรียกว่า IPS หรือการผลิตไฟฟ้าใช้เองอีกด้วย 

ทั้งนี้ในสาระสำคัญของแผน PDP จะชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาโรงไฟฟ้า การพัฒนาระบบส่ง โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งปัจจุบันเน้นรองรับพลังงานสีเขียวเข้าระบบมากขึ้น ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนจากต่างประเทศ และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือความต้องการใช้ไฟฟ้า (ดีมานด์) ใหม่ที่เกิดจากกลุ่ม Data Center หรือบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ที่มาลงทุนในไทยและเป็นการกระตุ้นจีดีพีประเทศให้เพิ่มมากขึ้น

โดยไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่จะเข้าสู่ระบบมากขึ้น ทำให้ สนพ.ในฐานะผู้วางแผนและเสนอนโยบาย เห็นว่าไทยควรมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactors -SMR )  ซึ่งในร่างแผน PDP 2024 ที่เคยจัดทำไว้  SMR ถูกวางไว้ช่วงปลายของร่างแผน PDP 2024 ยูนิตละ 300 เมกะวัตต์ จำนวน 2 ยูนิต รวม 600 เมกะวัตต์ ส่วนใน ร่างแผน PDP ฉบับใหม่จะขยับเวลาขึ้นมาเร็วกว่าเดิมหรือไม่ ปริมาณเท่าไหร่ คงต้องดูที่ความพร้อมเทคโนโลยี และราคา ที่สำคัญคือการจัดทำกฎหมายให้สอดคล้องกับ IAEA (ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ) หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม ผอ.สนพ. มองว่า แผน PDP ใหม่ ต้องเคลียร์ให้ชัดเจน  ในประเด็นต่างๆที่ยังเป็นข้อถกเถียงกัน ได้แก่ 

1.เรื่องสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าภาครัฐว่าจะต้องมีสัดส่วน 51% อยู่หรือไม่ภายใต้บริบทเปิดเสรี มี IPS เกิดขึ้นมามากมาย   

2 เรื่องโรงไฟฟ้าที่มี PPA แล้ว เมื่อหมดอายุสัญญา จะยกเลิกเปิดรับซื้อไฟฟ้าใหม่  หรือจะขยาย ต่ออายุเพราะมีความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานดีอยู่แล้ว มีสายส่ง ท่อก๊าซฯ แล้ว  3 ไฟฟ้าพลังน้ำจาก สปป.ลาว ที่ใกล้จะหมดอายุ แต่มีราคาถูกไม่ถึง 2 บาทต่อหน่วย แต่ปัจจุบันถ้าเริ่มต้นเกือบ 3 บาทต่อหน่วย  จะเลือกที่จะต่ออายุโครงการเดิม หรือจะเริ่มโครงการใหม่ที่ต้นทุนแพงกว่า   

4 การเพิ่มขึ้นของ IPS  แม้จะผลิตใช้เองแต่ก็ยังซึ้อไฟฟ้าจากระบบ ควรต้องเผื่อไว้หรือไม่ 20-30% 

5 LOLE เกณฑ์ความมั่นคงไฟฟ้า ปัจจุบันยังมีการพูดถึงเรื่องเกณฑ์สำรองไฟฟ้า (Reserve Margin) อยู่ แม้เปลี่ยนมาใช้ “เกณฑ์ดัชนีความเชื่อถือที่ยอมให้ไฟฟ้าดับได้ หรือ LOLE  0.7 วันต่อปี หรือไม่เกิน 24 ชั่วโมงต่อปี” ควรปรับเกณฑ์มากขึ้นหรือลดลง เป็น 0.5 หรือ 1 วันต่อปีหรือไม่  ซึ่งการปรับเปลี่ยนเกณฑ์มีผลต่อต้นทุนราคา 

6 การเปิดตลาดเสรีไฟฟ้า ในร่างแผน PDP 2024 เดิม เคยจะกำหนดเรื่องการเปิดเสรีไฟฟ้าไว้ โดยกำหนดเป็นเมกะวัตต์ มองไปข้างหน้า 5-7 ปี เผื่อต้องมีตลาดเรื่องพลังงานสะอาด เรื่อง IPP ที่หมดอายุและเข้ามาในตลาด ที่ต้องศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งในร่างแผน PDP ฉบับใหม่ อาจมองในด้านซัพพลาย 1,000-3,000เมกะวัตต์  เพื่อส่งสัญญาณทดสอบเรื่องการเปิดเสรีของประเทศ เพราะไทยหนีไม่พ้นการเปิดตลาดเสรี ในอนาคตโดยการจัดหาไฟฟ้าจากภาครัฐอาจจะเป็นแค่การ backup ในระบบเท่านั้น  ส่วนการซื้อขายไฟฟ้าอาจเป็นเอกชนซื้อขายกันเองอย่างเสรี ซึ่งปัจจุบันได้เริ่มต้นด้วย “โครงการนำร่องซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct PPA)”  

7 การพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้า ในแผน PDP ฉบับใหม่ จะต้องเป็นค่าพยากรณ์ที่ได้รับการยอมรับจากสังคม เพราะการพยากรณ์ที่ไม่ถูกต้องนำไปสู่การวางซัพพลายไฟฟ้าที่ล้นจนเกินไป หรือไม่โปร่งใสได้

Advertisment