สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) เปิดเวที “IEEE PES Dinner Talk 2025” ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไฟฟ้า เปลี่ยนผ่านสู่เป้าหมายใหม่ประเทศ Net Zero 2050 

77
- Advertisment-

สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) เปิดเวที “IEEE PES Dinner Talk 2025” ในหัวข้อ “การเปลี่ยนผ่านโครงข่ายไฟฟ้าและทรัพยากรพลังงาน : ความท้าทาย โอกาส และมาตรการรองรับ” รวมพลังผู้นำด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่เป้าหมายใหม่ Net Zero 2050 พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการและนิทรรศการในระดับนานาชาติ “IEEE PES GTD Asia 2025” 26–29 พ.ย. นี้ 

ช่วงค่ำของวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) จัดงาน “IEEE PES Dinner Talk 2025” โดยมี นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานพร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “นโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงาน” ในงานมีบุคคลสำคัญในวงการพลังงาน อาทิ ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายกสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ดร.มงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และนายดิเรก บุญปิยทัศน์ รองผู้ว่าการวางแผนและนวัตกรรมระบบไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง (MEA) และผู้บริหารในวงการอุตสาหกรรมไฟฟ้า เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง  ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

- Advertisment -
อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

โดยในการกล่าวปาฐกถาพิเศษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายหลักที่ประเทศไทยกำลังเผชิญจากปัจจัยภายนอกที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงาน ทั้งเรื่อง Geopolitics ภัยพิบัติทางธรรมชาติ Cyber Attack ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการต้องเร่งเป้าหมาย Net Zero Emissions ให้เร็วขึ้นจากเดิมปี 2065 เป็นปี 2050 หรือเร็วขึ้น 15 ปี เพื่อให้แข่งขันได้กับประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม บรูไน และสปป.ลาว  ซึ่งภาคพลังงานต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ได้แก่ ระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage Systems) โครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ระบบบริหารจัดการพลังงานแบบดิจิทัล (Digital Energy Management) และไฮโดรเจน (Hydrogen Energy) เทคโนโลยี Small Modular Reactor หรือ SMR รวมทั้ง การพัฒนาเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CCS) ซึ่งเป็นโครงการที่ไทยมีศักยภาพในเชิงพื้นที่ที่จะดำเนินการ แต่เหตุที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องร่วมมือกับประเทศที่มีความสนใจเช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย 

สำหรับนโยบาย Quick Big Win ด้านพลังงาน ของรัฐบาลซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์เชิงรุกของประเทศในการเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม เน้นการมุ่งบรรลุผลในระยะสั้นได้จริงใน ได้แก่ โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร โครงการโซลาร์สูบน้ำชลประทาน โครงการติดโซลาร์ได้ลดหย่อนภาษี และโครงการโซลาร์ภาครัฐ  รวมทั้งโครงการโซลาร์ลอยน้ำ 3 เขื่อน กฟผ. (เขื่อนภูมิพล เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์) กำลังการผลิตรวม 1,638 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ในการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นแผนระยะยาวที่กำหนดทิศทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ก็จะต้องสอดรับกับเป้าหมายใหม่ Net Zero Emission 2050 ด้วย

ในส่วนของเวที Dinner Talk ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ภายในงาน “การเปลี่ยนผ่านโครงข่ายไฟฟ้าและทรัพยากรพลังงาน : ความท้าทาย โอกาส และมาตรการรองรับ” ที่มีผู้ร่วมสนทนาบนเวทีประกอบด้วย ดร.มงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ,นายวฤต รัตนชื่น รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. ,นายดิเรก บุญปิยทัศน์ รองผู้ว่าการวางแผนและนวัตกรรมระบบไฟฟ้า  การไฟฟ้านครหลวง  (MEA)และ รศ.ดร.แนบบุญ หุนเจริญ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นั้น

ดร.มงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)

 ในส่วนของ ดร.มงคล  จาก PEA เน้นถึงการเตรียมความพร้อมของ PEA ในการเข้าสู่ตลาดไฟฟ้าเสรี (Energy  Trading Platform ) ในอนาคต ที่จะมีการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบไฟฟ้ามากขึ้น  โดย PEA สนับสนุนให้มีระบบไมโครกริด ซึ่งที่ผ่านมา มีโครงการนำร่องแล้วในหลายพื้นที่ เช่น ที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน , อำเภอแม่สะเรียง  ,บ้านขุนแปะ  อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ , เกาะพะลวย จ.สุราษฏร์ธานี 

วฤต รัตนชื่น รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ

ส่วนนายวฤต  จาก กฟผ. เน้นถึงความสำคัญของโครงการพัฒนาพลังงานสะอาดของ กฟผ. โดยให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคงทางพลังงาน (Energy Security) ต้นทุนราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม(Energy Econony ) และการดูแลรักษาเรื่องสิ่งแวดล้อม (Environment)  โดยโครงการที่สำคัญในอนาคตที่ กฟผ.มีการเตรียมความพร้อม ได้แก่ Hydro Floating Solar ,Pumped Storage, SMR , และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ที่จะมาช่วยเสริมความมั่นคงให้กับระบบ รองรับสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนที่จะเพิ่มมากขึ้น ตามแผน PDP ฉบับใหม่

ดิเรก บุญปิยทัศน์ รองผู้ว่าการวางแผนและนวัตกรรมระบบไฟฟ้า  การไฟฟ้านครหลวง 

ในขณะที่ นายดิเรก จาก MEA เน้นถึงการเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการพลังงานเพื่อรองรับวิถีชีวิตของคนเมือง ที่จะมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น และเกิดปัญหาโอเวอร์โหลด ในบางพื้นที่  รวมถึงความร่วมมือระหว่าง 3 การไฟฟ้าเพื่อจัดหาไฟฟ้าสะอาดให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้

ภายในงาน IEEE PES Dinner Talk 2025 ยังมีพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่วิศวกรและบุคลากรผู้มีผลงานดีเด่นในแวดวงพลังงาน ประจำปี 2025 โดยมีนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้มอบรางวัล

นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการ กฟผ.

นายนรินทร์ เผ่าวณิช ผู้ว่าการ กฟผ. ในนามนายกสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) กล่าวถึง งาน IEEE PES Dinner Talk 2025 ที่จัดขึ้นในครั้งนี้ว่า ทางสมาคมคาดหวังว่าจะเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ นโยบาย และเทคโนโลยีใหม่ ๆ นำไปสู่แนวทางในการต่อยอดระบบไฟฟ้าไทยให้เป็นธรรมและยั่งยืน รวมถึงการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา จะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญให้ประเทศไทยก้าวสู่ระบบพลังงานที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับสากล 

และสำหรับ กฟผ. ในฐานะองค์กรหลักด้านพลังงานของประเทศ ได้เดินหน้าภารกิจตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน มุ่งรักษาความสมดุลของระบบพลังงาน สร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมสนับสนุนสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ในการจัดงานประชุมวิชาการและนิทรรศการระดับนานาชาติ “IEEE PES GTD Asia 2025”  เพื่อระดมผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และผู้ประกอบการพลังงานจากทั่วโลก ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมไฟฟ้าและพลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ระหว่างวันที่ 26–29 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ

Advertisment