อุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนผ่านพลังงาน จากเดิมที่ใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในสัดส่วนที่สูง มาเป็นไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน หรือพลังงานสะอาด มากขึ้น สอดคล้องกับทิศทางของโลกและการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้า ซึ่งนโยบายภาครัฐที่เปิดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันโดยตรง หรือ Direct PPA สำหรับ กลุ่ม Data Center ปริมาณไม่เกิน 2,000 เมกะวัตต์ ทำให้บทบาทในการกำกับดูแลกิจการพลังงานของสำนักงาน กกพ. ต้องปรับตัวในเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้จริง โดยที่ต้องพยายามรักษาสมดุลในมิติต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีไฟฟ้าใช้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง ในราคาไฟฟ้าที่เป็นธรรม และเป็นไฟฟ้าที่ได้คุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งถือเป็นความท้าทายขององค์กร ภายใต้การนำของ ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( สำนักงาน กกพ.)
ภารกิจเชิงรุกของ กกพ. เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ที่มาพร้อมโครงการ Direct PPA สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น ต้องทำอย่างไร ดร.พูลพัฒน์ มีคำอธิบาย
ดร.พูลพัฒน์ กล่าวว่า กระแสสำคัญของโลกในยุคเปลี่ยนผ่านพลังงานทำให้ภาคอุตสาหกรรมไฟฟ้าต้องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสะอาดที่ไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมส่งออก หรือภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าแบบเดิมของไทยนั้นเป็นผู้ผลิตที่เป็นรายใหญ่จำนวนน้อยราย ดังนั้นในอนาคตการกำหนดนโยบายจึงต้องรองรับสัดส่วนของผู้ที่ทำหน้าที่ในการผลิตไฟฟ้าสะอาดเพื่อใช้เองด้วยส่วนหนึ่ง แล้วก็ส่งออกไปให้คนอื่นใช้ด้วยอีกส่วนหนึ่ง ดังนั้นการกำกับดูแลการเปลี่ยนผ่านในส่วนนี้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสำนักงาน กกพ. จึงต้องตอบโจทย์ปัญหาความท้าทายที่จะเกิดขึ้นให้มีความ Smart และมองให้เห็นความท้าทายดังกล่าวเป็นโอกาสสำหรับประเทศ โดยมีการเตรียมความพร้อมในการกำกับดูแลกิจกรรมการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันโดยตรง หรือ Direct PPA ที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบสายส่งไฟฟ้าของบุคคลที่ 3 ที่เราเรียกว่า Third Party Access

หากใครยังนึกภาพไม่ออก ทาง ดร.พูลพัฒน์ ได้ยกตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบให้เห็นว่า
สายส่งไฟฟ้า เป็นเหมือนท่อน้ำประปา ซึ่งมีน้ำที่อยู่ในท่อ แต่วันหนึ่ง น้ำที่เคยส่งจากต้นทางที่เป็นต้นทางหลักถูกสั่งให้ชะลอการส่งลงเพื่อให้น้ำจากอีกส่วนหนึ่งที่บ้านหลังอื่นต้องการส่งน้ำเข้ามาในท่อบ้าง เพื่อให้ไปถึงลูกค้าที่ได้ตกลงกันไว้ ดังนั้นในภาพรวมของระบบท่อส่งน้ำ จึงต้องควบคุมรักษาแรงดันที่ให้เกิดความต่อเนื่องสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ลูกค้าที่รับน้ำจากต้นทางหลักได้รับผลกระทบ ซึ่งการส่งไฟฟ้าก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น ในบทบาทของผู้กำกับดูแล สำนักงาน กกพ. จึงต้องมีการศึกษาอัตราค่าบริการต่างๆที่จะเกิดขึ้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการเข้ามาใช้ระบบสายส่งของบุคคลที่สาม ที่จะต้องมีความมั่นคง และต้องสร้างความมั่นใจว่าระบบสายส่งมีขนาดช่องว่างเหลือพอที่จะให้คนอื่นเข้ามาใช้บริการร่วมกันได้แค่ไหน ต้องให้คนที่เข้ามาใช้มั่นใจว่าไฟฟ้าที่ผลิตได้เมื่อมีการเชื่อมต่อเข้าระบบแล้วจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง และกรณีเกิดปัญหาข้อขัดข้อง จะต้องเตรียมไฟฟ้าสำรองเพื่อให้ผู้ที่อยู่ปลายทางมั่นใจได้ว่าจะมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอตามสัญญา

***ที่มา www.erc.or.th
โดยสำนักงาน กกพ.ได้สรุปออกมาเป็น 3 ด้านสำคัญ ได้แก่
1. เรื่องของหลักเกณฑ์ เป็นแม่บทในการที่จะเชื่อมโยงว่าในอนาคตผู้ที่จะเข้ามาใช้สายส่ง จะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์อะไรบ้างทั้งผู้ใช้ ทั้งผู้ผลิตและผู้ดูแลระบบสายส่ง
2. เรื่องของข้อกำหนดและเงื่อนไข เพื่อเปิดให้บุคคลที่สาม สามารถเข้าใช้และเชื่อมต่อกับระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก สำหรับการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงได้ (Third Party Access Code -TPA Code) เพื่อจะดูว่าการเชื่อมต่อกับหน่วยงานการไฟฟ้า และการเข้าไปที่สถานีไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อเชื่อมโยงกับสายส่งไฟฟ้า จะมีวิธีการที่จะเชื่อมต่อกันอย่างไร
และ 3. เรื่องของค่าบริการในการใช้และเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าของบุคคลที่สาม (TPA Charge) ซึ่งจะดูถึงเรื่องของต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการจะเข้ามาใช้ระบบสายส่งว่าจะกำหนดอัตราค่าบริการกันอย่างไร
โดยนับตั้งแต่มีนโยบายเรื่อง Direct PPA ออกมา ทางสำนักงาน กกพ. ก็มีการศึกษาในรายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบ สอดคล้องตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 ประกอบด้วย ค่าบริการระบบส่งไฟฟ้าและระบบจําหน่ายไฟฟ้า ( Wheeling Charge ) ค่าบริการเสริมความมั่นคงในระบบไฟฟ้า (System Security Charge) หรืออาจจะเรียกว่า Ancillary Service Charge ค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ Policy Expense ค่าบริการหรือค่าปรับในการปรับสมดุลหรือบริหารปริมาณไฟฟ้า (Imbalance Charge) ค่าบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าบริการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Connection Charge) ค่าบริการจัดสรรศักยภาพในการให้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Available Transfer Capacity : ATC) และค่าธรรมเนียมรายปี ซึ่งปัจจุบันทาง สำนักงาน กกพ. ได้มีการคำนวณและกำหนดอัตราค่าบริการต่าง ๆ ที่คิดว่ามีความเหมาะสมออกมาแล้ว และเตรียมนำเสนอต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ภายในเดือนธันวาคม 2568 นี้
ทั้งนี้ สิ่งที่เลขาธิการ สำนักงาน กกพ. ให้ความสำคัญคือ การให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีความมั่นคงและแน่นอน และได้รับอัตราค่าไฟฟ้าที่เป็นธรรมที่สุดในอนาคตข้างหน้า จึงต้องปรับตัวทำงานเชิงรุกที่เรียกว่าเป็น Smart Regulator เพื่อสร้างสมดุลในระบบให้เกิดขึ้น ทั้งการให้บริการไฟฟ้าที่มีโครงสร้างพื้นฐานของระบบส่งไฟฟ้า หรือ Infrastructure รองรับอย่างเพียงพอ และการกำกับดูแลที่ใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาควบคุมในเรื่องของข้อมูลข่าวสารทั้งจากฝั่งของผู้ผลิตและฝั่งของผู้บริโภค เพื่อให้โหลดคือความต้องการใช้ กับฝั่งของการผลิต หรือซัพพลายเกิดความสมดุลกัน มีการรับส่งไฟฟ้าเชื่อมโยงกันโดยไม่สะดุด

ดร.พูลพัฒน์ คาดว่า โครงการ Direct PPA จะประกาศชื่อของผู้ที่ขายไฟฟ้าในโครงการเฟสแรก สำหรับ Data Center จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ ภายในช่วงเดือนมกราคม ปี 2569 แต่ในอนาคตหลังจากที่สำนักงาน กกพ. มีการประเมินผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้น หากทุกอย่างมีความพร้อมและเป็นไปด้วยความราบรื่น สำนักงาน กกพ. ก็จะเตรียมตัวสำหรับรองรับนโยบายที่จะขยายปริมาณไฟฟ้ารองรับ Direct PPA ในเฟสต่อ ๆ ไป
–




































