บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ชี้การสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กระทบราคาน้ำมันและก๊าซฯ พุ่งสูง คาดท้ายที่สุดไทยต้องปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มั่นใจไม่ส่งผลต่อการจัดหาวัตถุดิบปิโตรเคมีของกลุ่ม ปตท. ขณะที่กลยุทธ์ธุรกิจระยะกลางของบริษัทฯ เน้นตลาดตะวันตกเป็นหลัก เชื่อไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง
นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคของโลก ซึ่งเป็นการซ้ำเติมปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนส่งผลให้กำลังการผลิตสินค้าของโลกยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ความต้องการสินค้าของโลกเริ่มมากขึ้น จึงมีผลให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้การสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีผลให้ราคาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในส่วนของประเทศไทยที่ใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเป็นหลัก ย่อมได้รับผลกระทบแน่นอน แม้ที่ผ่านมาได้พยายามหันมาพึ่งพาพลังงานทดแทนในประเทศมากขึ้น และให้โรงไฟฟ้าสลับไปใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าแทนก๊าซฯ ก็ตาม แต่เชื่อว่าท้ายที่สุดราคาค่าไฟฟ้าก็จะต้องปรับราคาขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
สำหรับในส่วนของ IRPC เชื่อว่าการสู้รบครั้งนี้จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาวัตถุดิบเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมีของบริษัทฯ หรือของกลุ่ม ปตท. เนื่องจากรัสเซียมีกำลังผลิตน้ำมันเพียง 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งมายังตลาดในเอเชียไม่มากนัก โดยคาดว่ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังมีกำลังการผลิตเหลือเพียงพอจะผลิตเพื่อทดแทนในส่วนของรัสเซียได้ แต่ยอมรับว่าอาจมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาบริษัทฯ เคยร่วมกับรัสเซียวิจัยด้านเคมีภัณฑ์ แต่โครงการได้เสร็จสิ้นไปนานแล้ว นอกจากนี้กลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทฯ ระยะกลางยังเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและยานยนต์ และจะเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรทางธุรกิจในกลุ่ม ปตท. โดยจะเน้นการลงทุนไปยังประเทศโลกตะวันตกเป็นหลัก เนื่องจากมีนโยบายธุรกิจที่สอดคล้องกับบริษัทฯ และตะวันตกมีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ ดังนั้นการสู้รบในครั้งนี้เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ แต่อย่างใด
–
- Advertisment -.
