นอกจากภารกิจในการร่วมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศไทยแล้ว บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO Group ผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รายแรกของไทย ยังแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานที่เกี่ยวเนื่องในต่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตโฟลิโออย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบัน EGCO Group มีการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าใน 7 ประเทศ 2 ทวีป (เอเชียและอเมริกาเหนือ) รวมกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นกว่า 6,700 เมกะวัตต์ โดยฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์ด้านการลงทุน ที่ช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับ EGCO Group มาเกือบ 2 ทศวรรษ
EGCO Group ปักธงในฟิลิปปินส์เป็นครั้งแรก ด้วยการเข้าไปลงทุนใน “โรงไฟฟ้าพลังความร้อน Quezon” ผ่านบริษัท เคซอน เพาเวอร์ (ฟิลิปปินส์) จำกัด ในปี 2551 โดยโรงไฟฟ้า Quezon เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ ในปี 2543 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 25 ปี กับ Meralco (Manila Electric Company) ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายไฟฟ้าปลีกเอกชนรายใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์ นับว่าได้ช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานอย่างต่อเนื่องให้กับเมืองเมาบัน จังหวัดเคซอน บนเกาะลูซอน ที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ฟิลิปปินส์ยังขาดแคลนไฟฟ้า ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ในปีนี้ EGCO Group ได้ประกาศความสำเร็จที่สำคัญอีกครั้ง เมื่อโรงไฟฟ้า Quezon ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Supply Agreement-PSA) ฉบับใหม่ กำลังผลิต 400 เมกะวัตต์ ระยะเวลา 15 ปี กับผู้จำหน่ายไฟฟ้าขายปลีกรายใหญ่ในฟิลิปปินส์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของโรงไฟฟ้า Quezon ที่สามารถทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าฉบับใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากสัญญาฉบับเดิมหมดอายุลง และยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโรงไฟฟ้าในการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและความสามารถในการจำหน่ายไฟฟ้าในตลาดฟิลิปปินส์ในระยะยาว
ล่าสุดโรงไฟฟ้า Quezon ได้เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ตามสัญญาฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 หลังจากได้หยุดเดินเครื่องฯ เพื่อซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าให้พร้อมทุกด้าน รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นว่าโรงไฟฟ้าจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ต่อไปได้อย่างราบรื่น ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพให้กับระบบไฟฟ้าของเกาะลูซอนอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับ EGCO Group ในระยะยาว

นอกจากโรงไฟฟ้า Quezon แล้ว EGCO Group ยังได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าอีกแห่งหนึ่งในฟิลิปปินส์ นั่นคือ การถือหุ้นสัดส่วน 49% ใน “โรงไฟฟ้าพลังความร้อน San Buenaventura” (ตั้งอยู่บนพื้นที่ติดกับโรงไฟฟ้า Quezon) มีกำลังผลิตตามสัญญา 455 เมกะวัตต์ ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์และจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตั้งแต่ปี 2562 ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี กับ Meralco
นอกจากการผลิตไฟฟ้าเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับฟิลิปปินส์แล้ว โรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ยังให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมบนเกาะลูซอนอย่างเกื้อกูลและยั่งยืน โดยได้ดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ การส่งเสริมการศึกษาแก่เยาวชน การดูแลสุขอนามัยของประชาชนในท้องถิ่น การพัฒนาทักษะอาชีพและโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ตลอดจนโครงการดูแลความหลากหลายทางชีวภาพ อาทิ โครงการอนุรักษ์เต่าทะเล และโครงการฟื้นฟูป่าชายเลน เป็นต้น


ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในตลาดไฟฟ้าฟิลิปปินส์เกือบ 2 ทศวรรษ EGCO Group ยังเห็นโอกาสที่จะเติบโตไปพร้อมกับตลาดไฟฟ้าของฟิลิปปินส์ ด้วยการลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพื่อรักษาเสถียรภาพทางพลังงานควบคู่กับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดย EGCO Group ยังได้เตรียมการเข้าร่วมประมูลและลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและพลังงานลมในฟิลิปปินส์อีกด้วย ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวไม่เพียงตอบโจทย์ความมั่นคงด้านพลังงานของฟิลิปปินส์ แต่ยังสอดคล้องกับทิศทางโลกและอุตสาหกรรมพลังงานที่ต้องการมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน
สำหรับฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีหมู่เกาะน้อยใหญ่รวมกันกว่า 7,600 เกาะ มากเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย รองจากอินโดนีเซีย โดยมีจำนวนประชากรมากกว่า 110 ล้านคน และมีความต้องการไฟฟ้าเติบโตเฉลี่ย 5.2% ต่อปี จึงมีความท้าทายด้านความมั่นคงทางพลังงานและราคาพลังงาน
การให้บริการและจำหน่ายไฟฟ้าในฟิลิปปินส์แบ่งออกเป็น 3 โซน ตามกลุ่มเกาะขนาดใหญ่ ได้แก่ เกาะลูซอน เกาะวิซายัส และเกาะมินดาเนา แต่ละโซนต่างมีสัดส่วนเชื้อเพลิง กำลังผลิต ความต้องการไฟฟ้า และราคาค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกัน ในขณะที่มีระบบส่งไฟฟ้าที่เชื่อมโยงกัน เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในระบบไฟฟ้าของประเทศ
ระบบไฟฟ้าของฟิลิปปินส์มีชื่อเรียกตามโครงสร้างการซื้อขายไฟฟ้าว่า Wholesale Electricity Spot Market (WESM) ที่มีลักษณะกึ่งควบคุม กึ่งเสรี ซึ่งสามารถพัฒนาสู่ตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า (Power Pool) ในอนาคต โดย WESM มีการซื้อขายไฟฟ้าทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่
- ตลาดขายส่ง (Wholesale Market) ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยงานกำกับดูแล กลไกของตลาดนี้คือ โรงไฟฟ้าที่ชนะการประมูลจะได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว 15 – 20 ปี จากผู้จำหน่ายไฟฟ้าขายส่งในแต่ละพื้นที่ (Distribution Utilities: DUs) ซึ่งรับผิดชอบในการขายไฟฟ้าให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไป (Captive Customers)
- ตลาดขายปลีก (Retail Market) ซึ่งไม่ถูกควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแล โรงไฟฟ้าและผู้จำหน่ายไฟฟ้าขายปลีก (Retail Electricity Suppliers: RES) สามารถเจรจาสัญญากันโดยตรง ขณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเฉลี่ย 500 กิโลวัตต์ขึ้นไป ในรอบ 1 ปี (Contestable Customers) สามารถเลือกซื้อไฟฟ้าจาก RES ให้ตรงกับความต้องการของตัวเองได้ โดยตลาดนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา
- ตลาดจร (Spot Market) โรงไฟฟ้าทุกแห่งสามารถประมูลขายกำลังผลิตที่ไม่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในตลาดจรได้ ซึ่งตลาดประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน ขณะที่ผู้ใช้ไฟฟ้าก็สามารถซื้อไฟฟ้าในตลาดจรจากผู้ขายโดยตรง ทั้งนี้ การซื้อขายไฟฟ้าในตลาดจรมีสัดส่วนประมาณ 22% ของการซื้อขายไฟฟ้าทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 78% เป็นการซื้อขายไฟฟ้าแบบมีสัญญาทั้งในตลาดขายส่งและขายปลีก
ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดกว่า 30,000 เมกะวัตต์ และใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลักในการผลิตไฟฟ้า คิดเป็น 67% ของเชื้อเพลิงทั้งหมด ประกอบด้วยถ่านหิน 42% ก๊าซธรรมชาติ 15% และน้ำมัน 10% ซึ่งเชื้อเพลิงเหล่านี้สามารถผลิตไฟฟ้าฐานที่จ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง เพียงพอ และมีต้นทุนที่แข่งขันได้ ส่วนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่เหลืออีก 33% มาจากพลังงานหมุนเวียน ได้แก่ พลังน้ำ 10% พลังงานแสงอาทิตย์ 9% พลังงานความร้อนใต้พิภพ 6% และอื่น ๆ 8%
สำหรับเป้าหมายในอนาคตของระบบไฟฟ้าฟิลิปปินส์ คือการเพิ่มสัดส่วนกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 35% ของกำลังผลิตทั้งหมดในปี 2573 และเป็น 50% ในปี 2583 เพื่อเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานจากการลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล พร้อมเพิ่มเสถียรภาพให้ระบบไฟฟ้า โดยกระจายการผลิตไฟฟ้าไปยังพื้นที่ต่าง ๆ
–













































