ยกระดับสตาร์ทอัพไทย ขับเคลื่อนกฎหมาย โครงสร้างทุนใหม่เร่งการเติบโตของ Energy Tech และ Climate Tech

75
- Advertisment-

สถานการณ์ของสตาร์ทอัพไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ทั้งด้านเงินลงทุน โครงสร้างตลาด และความคาดหวังจากนักลงทุนรายใหญ่ จากรายงาน “INSIDE THE DEAL FLOW 2024” ของสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Thai Venture Capital Association:TVCA) ที่ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของระบบนิเวศสตาร์ตอัพไทย สะท้อนภาพรวมที่หลายฝ่ายรับรู้ร่วมกันว่า ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนสำคัญ หากไม่เร่งปรับโครงสร้าง รองรับเครื่องมือการลงทุนใหม่ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูดทุน สตาร์ทอัพไทยอาจเสียโอกาสสำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจยุคใหม่

บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ในฐานะกรรมการและสมาชิกของ TVCA วิเคราะห์ว่าสถานการณ์นี้คือสัญญาณเตือนที่ต้องร่วมกันหาทางออก โดยเฉพาะเมื่อตลาดกำลังเปลี่ยนจากยุคที่เดิมผู้ลงทุนมองเรื่องการเติบโตที่รวดเร็วของสตาร์ทอัพเป็นหลัก มาเป็นยุคที่มองหาธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างกำไรที่ยั่งยืน ความน่าเชื่อถือ และความสามารถในการสร้างผลกระทบเชิงบวกเป็นเกณฑ์สำคัญ

สำหรับอินโนพาวเวอร์ บทบาทใน TVCA คือการพร้อมผลักดันให้ระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยก้าวสู่มาตรฐานที่สูงขึ้น ทั้งในด้านความโปร่งใส ความเป็นมืออาชีพ และความร่วมมือระหว่างผู้เล่นในระบบ โดยมีจุดเน้นพิเศษที่เทคโนโลยีด้าน Decarbonization ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญของการลดการปล่อยคาร์บอนในประเทศ และเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหม่ของโลกธุรกิจ การส่งเสริมสตาร์ทอัพกลุ่มนี้ไม่เพียงช่วยองค์กร แต่ยังเป็นการเตรียมประเทศไทยให้แข่งขันได้ในตลาดสากลที่กำลังเข้มงวดเรื่องความยั่งยืนมากขึ้นทุกปี

- Advertisment -

เมื่อมองลึกลงไปในปัญหา หนึ่งในข้อจำกัดที่เห็นได้ชัดคือโครงสร้างด้านการระดมทุนของไทยยังไม่เอื้อต่อสตาร์ทอัพมากพอ เครื่องมือสำคัญอย่าง Convertible Debt หรือการแปลงสภาพหนี้เป็นทุน ซึ่งเป็นมาตรฐานของสตาร์ทอัพทั่วโลก ยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวในประเทศ ขณะที่นักลงทุนเองก็ต้องการความชัดเจนเรื่องโมเดลธุรกิจและกำไรที่จับต้องได้มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ทำให้สตาร์ทอัพไทยต้องใช้ความพยายามมากกว่าประเทศอื่นในการเดินทางจากระดับไอเดียไปสู่ธุรกิจที่เติบโตได้จริง

นอกจากนี้ ศักยภาพขององค์กรขนาดใหญ่ซึ่งถือเป็นบทบาทหลักในเศรษฐกิจไทย กลับเป็นดาบสองคม เพราะแม้จะมีทรัพยากรสูง แต่หลายแห่งยังมีความยืดหยุ่นต่ำและรับความเสี่ยงได้จำกัด ส่งผลให้สตาร์ทอัพ โดยเฉพาะกลุ่ม Deep Tech และ Climate Tech ขาดโอกาสในการทดสอบเทคโนโลยีในสถานการณ์จริง การตัดสินใจที่ล่าช้าและกระบวนการที่ซับซ้อนทำให้โครงการนำร่องหลายอย่างไม่สามารถเดินหน้าได้
อย่างที่ควร

จากมุมมองของอินโนพาวเวอร์ “โอม ขาวสอาด Head of Venture” เห็นว่าการออกกฎหมายสนับสนุนสตาร์ทอัพคือกุญแจสำคัญที่จะปลดล็อคข้อจำกัดเชิงโครงสร้างเหล่านี้ ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพจะเพิ่มความยืดหยุ่นด้านการลงทุน ให้ความคล่องตัวกับสตาร์ทอัพและ VC และช่วยดึงดูดทุนต่างชาติให้เข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างสตาร์ทอัพกับองค์กรใหญ่ หากกฎหมายนี้เดินหน้าอย่างสมบูรณ์ จะช่วยให้ประเทศไทยมีต้นแบบการสนับสนุนสตาร์ทอัพที่แข็งแรงพอจะแข่งขันกับประเทศอื่นในภูมิภาคได้

สำหรับเทคโนโลยีด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศ อินโนพาวเวอร์พบว่าปัจจุบันประเทศไทยยังเผชิญอุปสรรคหลายด้าน ทั้งการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ ความยากลำบากในการเข้าถึงองค์กรใหญ่ และความล่าช้าของกฎหมายด้าน Climate Change ที่ยังไม่สะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนที่แท้จริงของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคธุรกิจ หากประเทศไทยมีการกำหนดต้นทุนของก๊าซเรือนกระจกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางภาษี การกำหนดโควต้าหรือบทลงโทษด้านสิ่งแวดล้อม จะช่วยเร่งให้ตลาดต้องการเทคโนโลยีลดคาร์บอนมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อมองไปข้างหน้า อินโนพาวเวอร์ตั้งใจใช้บทบาทใน TVCA เพื่อผลักดันทั้งกฎหมายใหม่ การยกระดับมาตรฐานการลงทุน และการสร้างความร่วมมือที่มีคุณภาพระหว่างสตาร์ทอัพและภาคธุรกิจ ด้วยความเชื่อว่าสตาร์ทอัพไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม Climate Tech และ Energy Tech จะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero และขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืนในอนาคต

Advertisment