นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป
- Advertisment-

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ย้ำนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท สะท้อนพื้นฐานธุรกิจและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ย้ำนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 3.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 1,711 ล้านบาท ซึ่งเงินปันผลต่อหุ้นดังกล่าวมีอัตราเทียบเท่ากับเงินปันผลระหว่างกาลในปีที่ผ่านมา โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 12 กันยายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 กันยายน 2565

ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราดังกล่าว มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 เอ็กโก กรุ๊ป ยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงและกระแสเงินสดได้เป็นอย่างดี แม้ต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงและอัตราแลกเปลี่ยน โดยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทมีรายได้รวม 28,659 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงาน 7,391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% และมีกำไรสุทธิ 3,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59%

- Advertisment -

“เอ็กโก กรุ๊ป ยังคงยึดมั่นในนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ บนรากฐานการดำเนินธุรกิจพลังงานที่แข็งแกร่งและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนด้วยการแสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ พร้อมต่อยอดการลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ สำหรับการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง คาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากจะรับรู้รายได้จากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “น้ำเทิน 1” สปป.ลาว ที่เริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว และโครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “ทีพีเอ็น” ที่กำลังจะเปิดดำเนินการ” นายเทพรัตน์ กล่าวสรุป

ปัจจุบันเอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 6,071 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง)โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,415 เมกะวัตต์ ทั้งจากชีวมวล พลังงานน้ำ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานความร้อนใต้พิภพ และเซลล์เชื้อเพลิง โดยโรงไฟฟ้าและโครงการต่างๆ ตั้งอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ โครงการขยายระบบขนส่งน้ำมันทางท่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (“ทีพีเอ็น”) โครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง ตลอดจนยังได้รับใบอนุญาตจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย บริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน (“เพียร์ พาวเวอร์”) บริษัทด้านการวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรม (“อินโนพาวเวอร์”) และบริษัทด้านการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาด (“เอเพ็กซ์ คลีนเอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้งส์”)

Advertisment

- Advertisment -.