เอสโซ่ กับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

- Advertisment-

“ปัจจุบัน นอกเหนือไปจากเรื่องผลประกอบการของบริษัทแล้ว นักลงทุนยังให้ความสนใจมากขึ้นในเรื่องการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) สำหรับเอสโซ่ การดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนคือเป้าหมายสำคัญอย่างหนึ่ง เราดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนของการดำเนินธุรกิจ” คุณมัทนา สุตธรรม ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์และวางแผน บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยืนยันหลักการดำเนินงานของบริษัทฯ ตามวิสัยทัศน์ “เติมเต็มพลังชีวิต ด้วยประสบการณ์พลังงานที่เหนือกว่า” โดยเธอขยายความอย่างละเอียดเพื่อให้เห็นภาพการดำเนินธุรกิจที่ยึดหลัก ESG ของเอสโซ่เป็นหัวใจสำคัญ

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ใส่ใจในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและได้มาตรฐาน

บริษัทฯ มีประวัติอันยาวนานในการตอบสนองความต้องการพลังงานของสังคมที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน โดยมีการลงทุนในเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากรมาตลอดเวลา“ดังนั้นเราจึงปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที โดยใช้ทั้งความยืดหยุ่น การประเมินวิธีการ การเพิ่มประสิทธิภาพและบูรณาการงานต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง โดยที่ยังสามารถดูแลสิ่งแวดล้อมได้” คุณมัทนากล่าวจากประสบการณ์ในฐานะอดีตผู้จัดการการดูแลและวิเคราะห์ธุรกิจและรายงานธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงในระดับภูมิภาค

- Advertisment -

แนวทางการจัดการสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ มีรากฐานมาจากความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินงานของบริษัทฯ และความมุ่งมั่นในการพัฒนา รักษา และดำเนินโครงการอย่างยั่งยืนโดยใช้มาตรฐานที่เหมาะสมซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถ ‘ปกป้องวันพรุ่งนี้ ในวันนี้’ นั่นคือการทำงานด้วยระบบบริหารการปฏิบัติงานให้มีความปลอดภัย (OIMS)

“OIMS เป็นระบบที่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลทั่วโลกนำมาใช้เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการปฏิบัติงาน” คุณมัทนา อธิบาย “สำหรับผู้บริหาร เรามีหน้าที่ดูแลให้มั่นใจว่าทุกหน่วยมีระบบการทำงานที่สอดคล้องกับหลัก OIMS ทั้งการกำหนดขอบเขต การจัดลำดับความสำคัญของแต่ละประเด็น และการติดตามความคืบหน้าของการนำนโยบายไปปฏิบัติจริง การที่เอสโซ่ให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมตลอดมา ย่อมสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนได้อย่างชัดเจน”

ใกล้ชิดกับชุมชน สื่อสารความต้องการผ่านทุกช่องทางอย่างทันท่วงที

บริษัทฯ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน พันธมิตรทางธุรกิจ รวมทั้งคู่ค้า และพนักงาน ผ่านการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ

คุณมัทนากล่าวถึงความสำคัญของการสื่อสารทุกระดับและหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการสะท้อนถึงการสร้างความยั่งยืนด้านสังคมในการดำเนินธุรกิจว่า “นอกจากการสื่อสารภายในองค์กรเพื่อให้การทำงานปลอดภัยทุกขั้นตอนแล้ว เรายังมีการจัดกิจกรรมพบปะกับชุมชนที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานขององค์กร รวมทั้งโรงกลั่น ผ่านหลายช่องทางทั้งสื่อดิจิทัล โซเชียลมีเดีย”

คุณมัทนาได้ยกตัวอย่างกิจกรรมที่สัมพันธ์กับมิติด้านสังคมจากประสบการณ์ในฐานะอดีตนายกสโมสรพนักงานเอสโซ่ว่า บริษัทฯ มีการสื่อสารและปรับกิจกรรมอย่างทันท่วงทีเสมอเมื่อเกิดวิกฤติ เช่น ในช่วงที่เกิดโรคระบาดโควิด-19  มีการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ โดยพนักงานของบริษัทเข้ามามีส่วนร่วมกับหน่วยงานหลายระดับ ไม่ว่าจะเป็นร่วมกับสภากาชาดไทย บริจาคเงินกว่า 1 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่อง Oxygen High Flow ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรง มอบบัตรเติมน้ำมันเอสโซ่มูลค่า 1.3 ล้านบาท ให้แก่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อนำไปใช้ในการขนส่งผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งได้จากโครงการแลกคะแนนสะสมเพื่อบริจาคของสมาชิกบัตรเอสโซ่ สไมล์ส หรือการมอบอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ (PPE) ให้กับสำนักงานเขตคลองเตย เพื่อการใช้งานของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ณ จุดคัดกรองและจุดบริการฉีดวัคซีนของเขตคลองเตย 

คุณมัทนากับพนักงาน

“นอกจากบริษัทฯ จะตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยทั้งของบุคลากรและกระบวนการผลิตแล้ว เรายังคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของพนักงาน ซึ่งเป็นหนึ่งในห่วงโซ่ของกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างปลอดภัยและยั่งยืน เราเคารพสิทธิมนุษยชน และมีความคาดหวังว่าผู้จัดหาสินค้าและบริการจะต้องยึดมั่นในหลักการเดียวกัน มีกระบวนการตรวจสอบว่าผู้ได้รับการคัดเลือกในแต่ละปีปฏิบัติตามหลักการหรือไม่”

โปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนของการดำเนินธุรกิจ

การดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความยั่งยืน ย่อมขาดเรื่องธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกด้านไม่ได้  บริษัทฯ ดำเนินงานโดยวางแนวทางการกำกับดูแลกิจการตามแนวทางของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาโดยตลอด

คุณมัทนาตอกย้ำถึงเรื่องการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมและการบริหารงานโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และบริหารงานอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ว่า การบริหารงานของบริษัทฯ ไม่เพียงแต่มีปัจจัยสำคัญอยู่ที่การมีทีมบริหารที่มีความมุ่งมั่นและดำเนินธุรกิจโดยเน้นความมีระเบียบวินัยและความตรงไปตรงมาเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงโอกาสในระยะยาวในการสร้างการเติบโตเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการความเสี่ยงในการดำเนินงานและการประกอบธุรกิจ  

คุณมัทนาขยายความถึงแนวทางการดำเนินงานของบริษัทบนหลักการด้านธรรมาภิบาลว่าบริษัทฯ มีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหารของบริษัทฯ ในส่วนที่เกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ รวมทั้งผู้บริหารในบริษัทอื่นในเครือเอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ของผู้บริหารแต่ละท่านตามแนวทางปฏิบัติที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน นำมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ขององค์กรซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย

“ในยุคสมัยที่โลกกำลังเผชิญปัญหาด้านสภาวะโลกร้อน เอสโซ่ ก็ยังมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อม ความปลอดภัย ทั้งการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีผนวกกับส่งเสริมศักยภาพพนักงานของเรา ด้วยความเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานแบบครบวงจร จะช่วยทําให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันได้ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และทำให้บริษัทฯ สามารถจัดหาพลังงานที่จำเป็นต่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนในประเทศ แล้วยังมีแผนรองรับในการบริหารจัดการความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การแข่งขันทางการตลาด ทั้งหมดนี้เป็นการดำเนินงานที่อยู่ภายใต้การกำกับทิศทางที่ตรวจสอบได้ เป็นธรรม เท่าเทียมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนตามแนวทาง ESG ที่เรายึดมั่น”

“บริษัท เชื่อว่า การใส่ใจในการดูแลสิ่งแวดล้อม ดูแลสังคมและชุมชนที่เราดำเนินงานให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และการบริหารงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ จะช่วยในการ ทําให้เราสามารถแข่งขันทางธุรกิจ และเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ ผู้ถือหุ้นได้”

Advertisment

- Advertisment -.