อัพเดทภารกิจกลุ่มปตท.จัดงบ116 ล้านช่วยประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ สู้ภัยโควิด-19

- Advertisment-

อัพเดทกลุ่มปตท.จัดงบกว่า116 ล้านบาทช่วยอะไรประชาชนและบุคลากรการแพทย์บ้าง ในการสู้ภัย COVID-19

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน( Energy News Center-ENC ) รายงานอัพเดท การจัดสรรงบด้านกิจการเพื่อสังคมรวม 116  ล้านบาท มาปรับใช้สำหรับช่วยแก้ปัญหาไวรัส COVID-19  ตั้งแต่เกิดปัญหาจนถึงปัจจุบัน  โดยทั้งกลุ่ม ปตท. ได้ร่วมกันให้ความช่วยเหลือประชาชนและหน่วยงานทางการแพทย์ ภายใต้ชื่อ “กลุ่ม ปตท.สานพลังใจ…สู้ภัย COVID-19” โดยแบ่งการช่วยเหลือเป็น 3 ด้าน ดังนี้

- Advertisment -

1.PTT Group’s Expertise in Innovation & Technology แบ่งเป็นการสนับสนุนอุปกรณ์ตรวจโรค รวมมูลค่า 19.69 ล้านบาท  เช่น Aerosol Box, Shield Partition & Chamber และ Diagnose Room รวมทั้งยังสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันและPPE มูลค่า 26.84 ล้านบาท เช่น Face Shield 58,845 ชิ้น, Patient Chamber 429 ชิ้น, Shield Box 1,200 ชิ้น, Gown 165,300 ชิ้น ,PAPR 1,000 ชิ้น , CoviClear 12 คู่ นอกจากนี้ยังส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อการตรวจรักษา เช่น Cu-RoboCovid, AmbuBag, Micro-SWAB และวิจัยและพัฒนาชุดตรวจเชื้อ Covid-19

2. PTT Group Supports แบ่งเป็น การสนับสนุนแอลกอฮอล์แก่หน่วยงานสาธารณสุขและประชาชนทั่วไป จำนวน 226,758 ลิตร มูลค่ารวม 33.33 ล้านบาท, สนับสนุนหน้ากากผ้าแก่หน่วยงานสาธารณสุขและประชาชนทั่วไป จำนวน108,639 ชิ้น มูลค่ากว่า 1.71 ล้านบาท , สนับสนุนงบประมาณเพื่อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และอื่นๆ มูลค่ากว่า 34.58 ล้านบาท  นอกจากนี้ยังมีจิตอาสากลุ่ม ปตท.ร่วมบริจาคโลหิต จำนวน 115,300 ลิตร

และ 3. Corporate Employee ดูแลพนักงาน ปตท.ได้แก่ การแจกเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากผ้าฝ้ายมัสลิน, ออกมาตรการ Work@Home ลดความเสี่ยงการแพร่ระบาด,จัดพื้นที่จำหน่าย และนั่งรับประทานอาหารแบบ Social Distancing, จัดเตรียมอุปกรณ์สารสนเทศ เพื่อWork@Home Software ต่างๆ, ปรับการเบิกจ่ายสวัสดิการต่างๆ เป็นรูปแบบ electronics และสนับสนุนค่าเดินทางโดยแท็กซี่สำหรับกลุ่มที่ต้องปฏิบัติงานที่ ปตท.

ชาญศิลป์ ตรีนุชกร ซีอีโอปตท.

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ซีอีโอปตท.แสดงความเห็นด้วยว่า ปตท.จะยังคงให้การช่วยเหลือสังคมและหน่วยงานทางการแพทย์ต่อไป โดยจะเจาะลึกไปยังโรงพยาบาลระดับตำบลในอนาคตด้วย หลังปัญหาCOVID-19 คลี่คลายลง ธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัดคือ การใช้ระบบดิจิทัลสูงขึ้น โดยใครปรับตัวกับระบบดิจิทัลได้ก่อนก็จะได้ประโยชน์ เช่น ธุรกิจน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องใช้ระบบดิจิทัลในการติดตามสถานการณ์และข้อมูล หากใครยังไม่เข้าถึงระบบดิจิทัลจะทำให้ธุรกิจก้าวหน้าช้า นอกจากนี้ทิศทางที่จะเปลี่ยนแปลงไปคือคนจะดูแลสุขภาพมากขึ้น และหน้ากากอนามัยจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

Advertisment

- Advertisment -.