“สนธิรัตน์” เผยกลางวงประชุม นโยบายไบโอดีเซล อุ้มเอกชน ไม่ช่วยเกษตรกร ผู้ใช้น้ำมันรับภาระ

- Advertisment-

รัฐมนตรีพลังงานเผยกลางวงประชุมร่วมรองนายกรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน วันนี้ (25 มิ.ย.63)ยอมรับนโยบายส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอล์ ที่ผ่านมา ทำเอกชนรวย เกษตรกรถูกกดราคาผลผลิต ผู้ใช้น้ำมันแบกรับภาระ  หวัง การซื้อขายผ่านระบบ Blockchain จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในระหว่างการร่วมประชุมเพื่อติดตามงานของรองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2563 ซึ่งเปิดให้สื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟังด้วย  ว่า นโยบายส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพทั้งไบโอดีเซล และแก๊สโซฮอล์ ของกระทรวงพลังงานที่ผ่านมา ยังไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถที่จะเข้าไปช่วยยกระดับราคาผลผลิตให้กับเกษตรกรได้ ทั้งในส่วนของปาล์มน้ำมัน ที่นำมาผลิตเป็นน้ำมันไบโอดีเซล  และมันสำปะหลัง ที่ผลิตเป็นเอทานอล ผสมในน้ำมันแก๊สโซฮอล์

โดยในส่วนของน้ำมันไบโอดีเซล นั้น การที่กระทรวงพลังงาน กำหนดราคารับซื้อน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์หรือ B100 เอาไว้ ที่ ลิตรละ 26 บาท ซึ่งแพงกว่า ราคาเนื้อน้ำมันดีเซล ก็ด้วยวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะเข้าไปช่วยเกษตรกรให้ได้ราคาผลผลิตที่สูงขึ้น  แต่ปรากฏว่า ในข้อเท็จจริง เกษตรกรกลับถูกกดราคาผลผลิต โดยราคาผลปาล์มยังอยู่ที่ประมาณ 2 บาทกว่าต่อกิโลกรัม ทำให้เห็นว่าคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดของนโยบายนี้ คือคนกลางที่อยู่ส่วนบน  ในขณะที่ ประชาชนผู้ใช้น้ำมันต้องเป็นผู้แบกรับภาระในการซื้อน้ำมันที่แพงขึ้น

- Advertisment -

ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะนำระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์หรือ Blockchain มาทดลองใช้ในการซื้อขายปาล์มน้ำมันทั้งซัพพลายเชน เพื่อที่จะตัดวงจรของพ่อค้าคนกลางออกไป และช่วยยกระดับราคาผลผลิตของเกษตรกรชาวสวนปาล์มที่เข้าระบบให้สูงขึ้น  ซึ่งหากประสบความสำเร็จ ก็จะนำระบบBlockchainไปใช้กับ มันสำปะหลังที่จะมาผลิตเป็นเอทานอล ผสมในน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ ต่อไป

ทั้งนี้กระทรวงพลังงานโดยกรมธุรกิจพลังงานได้เริ่มทดลองนำระบบBlockchainไปใช้กับการซื้อขายจริงแล้ว ในปริมาณเริ่มต้นที่ 4 หมื่นลิตร ซึ่งจะทราบผลภายใน 2 สัปดาห์หรือประมาณ กลางเดือนก.ค 2563 นี้ หากประสบความสำเร็จจะขยายปริมาณให้เพิ่มขึ้น เป็นปริมาณ 30 ล้านลิตร โดยจะขอความร่วมมือให้ กลุ่มปตท.ที่เป็นผู้ซื้อ  B100  รายใหญ่ มีการซื้อขาย B100 ทั้งหมด กับโรงงานและทั้งซัพพลายเชนที่เข้าระบบ  Blockchain เหมือนกันเท่านั้น  ซึ่งเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรที่เข้าระบบ เพิ่มสูงขึ้นสมเหตุผลและไม่ถูกกดราคาอีกต่อไป

Advertisment