รัฐมนตรีพลังงานสั่งซ้อมแผนฉุกเฉินอีกรอบ23พ.ค.นี้รับมือสถานการณ์ปิดช่องแคบฮอร์มุช

- Advertisment-

รัฐมนตรีพลังงาน ออกคำสั่งให้ 6 โรงกลั่นทั่วประเทศ ต้องรายงานข้อมูลน้ำมันจากรายเดือนเป็นรายวัน ทั้งปริมาณสำรอง การผลิตน้ำมันสำเร็จรูป การนำเข้าน้ำมันดิบ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับปัญหาขาดแคลนน้ำมัน  หากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ที่จะส่งผลให้น้ำมันดิบตะวันออกกลางไม่สามารถส่งมาจำหน่ายทั่วโลกได้ พร้อมสั่งซ้อมแผนรับมือกรณีฉุกเฉินด้านพลังงาน 23 พ.ค. 2562 นี้ ระดมผู้บริหารทุกหน่วยงานในกระทรวงพลังงานและ ปตท. ร่วมแก้ปัญหากรณีเลวร้ายสุด หากน้ำมันตะวันออกกลางไม่สามารถส่งมายังไทยได้ทั้งหมด

นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานเตรียมรับมือปัญหาการขาดแคลนน้ำมันโลกจากกรณีความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลาง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ออกคำสั่งให้ 6 โรงกลั่นทั่วประเทศ ต้องเปลี่ยนมารายงานข้อมูลน้ำมันเป็นรายวันทันที แทนการรายงานเป็นรายเดือนตามปกติ ทั้งข้อมูลการสำรองน้ำมัน การผลิตน้ำมันสำเร็จรูป การสั่งซื้อน้ำมันดิบจากต่างประเทศ รวมทั้งจะมีการตรวจสอบข้อมูลระบบขนส่งน้ำมันทั้งในคลังเก็บและทางท่อด้วย ทั้งนี้เพื่อเตรียมพร้อมไม่ให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำมันในประเทศไทย

อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไทยยังมีปริมาณสำรองน้ำมันที่ใช้ได้เกิน 30-45 วันหากเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำมันขึ้น ประกอบกับมีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเหลืออยู่ประมาณ 36,000-37,000 ล้านบาท ไว้ดูแลราคาน้ำมันไม่ให้ผันผวนรุนแรงกรณีขาดแคลนน้ำมันหรือกรณีราคาน้ำมันโลกผันผวนรวดเร็ว

- Advertisment -

สำหรับการเรียกดูข้อมูลจากโรงกลั่นเป็นรายวัน เพื่อตรวจสอบปริมาณเนื้อน้ำมันที่ป้อนให้โรงกลั่นว่ามีปริมาณเท่าไหร่ และป้องกันไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก รวมทั้งดูแลกรณีเกิดวิกฤติราคาน้ำมัน ไม่ให้ราคาผันผวนรุนแรงเกินไป ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้สังคม โดยกระทรวงพลังงานเตรียมพร้อมรับมืออย่างรวดเร็วและระบบเศรษฐกิจไทยรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำมันได้ 30-45 วันเป็นอย่างน้อย

นอกจากนี้ได้สั่งให้ซ้อมแผนรับมือกรณีฉุกเฉินด้านพลังงานในวันที่ 23 พ.ค. 2562 นี้ ซึ่งถือเป็นการซ้อมแผนฉุกเฉินเป็นครั้งที่  2 ของปี 2562 โดยจะมีผู้บริหารจากหน่วยงานของกระทรวงพลังงานทุกกรมและบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) เข้าร่วมซ้อมแผนดังกล่าวด้วย

อย่างไรก็ตามปัจจุบันราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบอยู่ที่ระดับ 72 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งปรับสูงขึ้นเนื่องจากความไม่สงบในตะวันออกกลาง และปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกทำให้การส่งออกลดลง อย่างไรก็ตามประเมินว่าราคาน้ำมันดิบโลกในปี 2562 จะยังอยู่ที่ระดับ 73-75 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในวันที่ 23 พ.ค. 2562 จะมีการซ้อมแนวทางรองรับภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน เป็นครั้งที่ 2 ของปี 2562 ซึ่งจะเป็นการซ้อมแผนของผู้บริหารระดับสูงทุกกรมในกระทรวงพลังงาน ร่วมกับบริษัท ปตท. โดยจะจำลองสถานการณ์น้ำมันดิบจากตะวันออกกลางหายไปจากระบบของไทยทั้งหมด จากปัจจุบันที่ไทยนำเข้าน้ำมันดิบจากประเทศตะวันออกกลาง 60% ของการใช้ทั้งหมด ซึ่งแนวทางรับมือเบื้องต้นกับเหตุการณ์ดังกล่าว คือ การประหยัดใช้น้ำมัน การหาแหล่งน้ำมันอื่นๆ เพิ่ม และการแบ่งปันน้ำมันให้ภาคส่วนที่จำเป็นก่อน เป็นต้น

สำหรับเมื่อเดือนพ.ย. 2561  สหรัฐได้บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน เพื่อกดดันให้อิหร่านยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ รวมทั้งยุติการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในตะวันออกกลาง โดยรัฐบาลสหรัฐได้ประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้เป็นเวลา 6 เดือน โดยประเทศดังกล่าว ได้แก่ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ตุรกี อิตาลี และกรีซ แต่ล่าสุดทางสหรัฐฯจะยกเลิกคำสั่งผ่อนผันแก่ประเทศที่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ซึ่งหากประเทศเหล่านี้ยังคงนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ก็จะถูกสหรัฐคว่ำบาตร ซึ่งอาจมีผลต่อภาคธุรกิจพลังงาน ธนาคาร การต่อเรือ และการเดินเรือ ด้วย

โดยเมื่อวันที่ 5พ.ค. 2562 ที่ผ่านมา ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ ได้ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินและฝูงบินขับไล่ทิ้งระเบิดไปปฏิบัติภารกิจในตะวันออกกลาง เพื่อตอบสนองท่าทีไม่เป็นมิตรจากอิหร่าน และในช่วงไม่กี่เดือนมานี้อิหร่านได้ขู่จะปิดช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่ใช้ขนส่งน้ำมันดิบราวๆ 1 ใน 5 ของโลก หากสหรัฐฯ พยายามสกัดกั้นการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน

Advertisment