ปตท.นำสื่อชม Smart Intelligence Center (T Space@8) ซึ่งเก็บองค์ความรู้ธุรกิจTrading ที่สั่งสมมากว่า 30 ปี

- Advertisment-

ปตท.นำชม Smart Intelligence Center (T Space@8) ที่นำองค์ความรู้ของ PTT Trading ซึ่งสั่งสมมายาวนานกว่า 30 ปี มารวบรวมไว้ใน 4 โซนสำคัญ เพื่อมุ่งหวังให้ ปตท. เป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศไทย ที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน พร้อมประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ จะไม่ขยับขึ้นไปที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลได้ในระยะเวลาอันสั้น เพราะอุปสงค์ที่ลดลง 8-10 ล้านบาร์เรลต่อวันจากพิษโควิด-19 ส่วน LNG ราคาขยับขึ้นมาที่ 5.48 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู เนื่องจากใกล้เข้าช่วงฤดูหนาว

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2563 นายดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นำคณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชม Smart Intelligence Center ณ อาคาร 1 ชั้น 8 ปตท.สำนักงานใหญ่ โดย T Space@8 จัดตั้งขึ้นเพื่อนำเอาองค์ความรู้ของ PTT Trading ซึ่งสั่งสมมายาวนานกว่า 30 ปี มารวบรวมไว้ใน 4 โซนสำคัญ โดยมุ่งหวังให้ ปตท. เป็นองค์กรด้านพลังงานของประเทศไทย ที่พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลง โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่ทุกภาคส่วน

ทั้ง 4 โซนภายใน T Space@8 ที่คณะสื่อมวลชนเข้าเยี่ยมชม

สำหรับ โซนต่างๆทั้ง 4 โซนภายใน T Space@8 แห่งนี้ ประกอบด้วย

- Advertisment -

โซนที่ 1  คือ Intelligence Dashboard เป็นจออัจฉริยะขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นช่องทางในการเรียนรู้ โดยนำองค์ความรู้ของ PTT Trading ที่ถูกจัดเก็บอยู่ใน Application ที่ชื่อว่าT-Learning 360 ถ่ายทอดผ่านจออัจฉริยะในรูปแบบ Interactive ทำให้ดูน่าสนใจ และแปลงเนื้อหาที่เข้าใจยากให้ดูง่ายขึ้น

โซนที่ 2 คือ TBU Market Live Screen เป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารและบทวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงตลาดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที

โซนที่ 3 คือ 49 Mins Meeting Room ห้องประชุมที่ทันสมัย เน้นระบบการติดต่อสื่อสารที่มีคุณภาพ และจำกัดเวลาการประชุมให้อยู่ที่ 49 นาที เพื่อส่งเสริมให้เกิดการประชุมที่มีประสิทธิภาพ

และโซนที่ 4  คือ  Smart Signage เป็นจอ Interactive ที่ใช้ในการสื่อข้อมูลข่าวสาร ไปยัง
พนักงาน PTT Trading ในช่วงเวลานั้น ๆ

สำหรับหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ของ ปตท.หรือ International Trading Business Unit  นั้นเป็นการดำเนินธุรกิจการค้าระหว่างประเทศครบวงจร ครอบคลุมการจัดหา การนำเข้า การส่งออก และการค้าระหว่างประเทศของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ น้ำมันดิบ คอนเดนเสท ก๊าซธรรมชาติเหลว ก๊าซปิโตรเลียมเหลว ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ตัวทำละลาย เคมีภัณฑ์ รวมทั้งให้บริการบริหารความเสี่ยงด้านราคา และจัดหาการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักในการ
สร้างความมั่นคงทางพลังงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ส่วนเกินของประเทศไทย
ควบคู่ไปกับการขยายฐานการค้าไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลกและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

โดยปตท.มีการจัดตั้งบริษัทในเครือและสำนักงานตัวแทนในจุดศูนย์กลางการค้าต่างๆ
ของโลก อาทิ ประเทศสิงคโปร์ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กรุงอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนครฮูสตัน สหรัฐอเมริกา ส่งผลให้มีการทำธุรกรรมการค้าครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วโลก

ดิษทัต ปันยารชุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

สำหรับสถานการณ์ตลาดน้ำมัน และ LNG
ในไตรมาสที่ 4/2563 นั้นราคาน้ำมันดิบ Brent จะยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบราคา40-45เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และคาดว่าราคาน้ำมันจะยังไม่สามารถกลับไปยืนอยู่ที่ระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่โลกจะเกิดวิกฤต COVID-19 ได้ ในระยะเวลาอันสั้น

ทั้งนี้ COVID-19 ทำให้อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2563 ลดลงประมาณ 8-10 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อน มาอยู่ที่ประมาณ 92 ล้านบาร์เรลต่อวัน สำหรับในปี 2564 คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะ
ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปี 2563 มาอยู่ที่ระดับ 98 ล้านบาร์เรลต่อวัน

อย่างไรก็ตามยังคงมีความเสี่ยงหากเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 2 อุปสงค์น้ำมันโลกมีแนวโน้มจะลดลงไปยิ่งกว่าเดิมถึงระดับ 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ราคาน้ำมันไม่น่าจะลดลงต่ำไปกว่าระดับ 35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน OPEC และพันธมิตร ยังควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมัน ประกอบกับการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ยังไม่สามารถฟื้นตัวจากปัญหาสภาพคล่องได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้มาตรการ Lockdown ทั่วโลกและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เกิดเป็น New Normal ยังคงบั่นทอนความต้องการใช้น้ำมัน ส่งผลให้ปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นซึ่งอาจกดดันค่าการกลั่นในช่วงปี 2563 -2564

ในส่วนของตลาด LNG ราคาปรับตัวสูงขึ้นโดย JKM Dec อยู่ที่ 5.485 usd/mmbtu เนื่องจาก
ใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว (seasonal demand) ใน North Asia รวมถึง Supply disruption จากการปิดปรับปรุงแหล่งผลิต Gorgon บางส่วน ทำให้ปริมาณการผลิตหายไปจากระบบประมาณ 2 ล้านตัน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าแรงซื้อจาก North Asia ในสัปดาห์นี้จะลดลงอันเนื่องมาจากวันหยุดยาวในประเทศจีนและเกาหลีใต้ รวมถึงปริมาณ inventory ในยุโรปยังอยู่ในระดับสูงและปริมาณการส่งออก LNG จากสหรัฐอเมริกา เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้น หลังจากปิดซ่อมบำรุงเนื่องจากผลกระทบของเฮอริเคน

Advertisment

- Advertisment -.