ปตท.จับมือ เซอร์ทิส พัฒนาเอนโก้เป็น Smart City แห่งแรกของกลุ่มปตท.

- Advertisment-

ปตท.จับมือ เซอร์ทิส บริษัทคนไทย เปิดตัวโครงการ “Smart Energy Platform by ExpresSo x Sertis” นำร่องพัฒนาศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์(เอนโก้) เป็นต้นแบบเมืองอัจฉริยะ(Smart City) แห่งแรกของกลุ่ม ปตท. ก่อนต่อยอดขยายผลไปยังพื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง

วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2561) ณ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่  นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนายธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซอร์ทิส จำกัด และ นายชัยวัฒน์ สกาวจิต  ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จํากัด  ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ  “Smart Energy Platform by ExpresSo x Sertis”

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า โครงการ “Smart Energy Platform by ExpresSo x Sertis” เป็นโครงการใหม่ที่เกิดขึ้นใน ปตท. โดยทีมคนรุ่นใหม่ Express Solution หรือ ExpresSo ได้ร่วมกับ เซอร์ทิส เพื่อพัฒนาระบบพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) สนับสนุนใช้พลังงานที่หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ส่งเสริมพลังงานทางเลือกในรูปแบบต่างๆ และสมาร์ทกริด (Smart Grid) เป็นต้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (Artificial Intelligence – AI) เพื่อให้อาคารเอนโก้ เป็นต้นแบบ Smart City ของกลุ่ม ปตท. สนับสนุนมาตรการส่งเสริมการลงทุนการพัฒนา Smart Cityของประเทศ  ช่วยในการพัฒนาเมืองและยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีระบบการบริหารจัดการพลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพและเหมาะสมต่อการอยู่อาศัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นสังคมที่มีการพัฒนาอยู่เสมอ ถือเป็นกลไกสำคัญที่สอดรับกับแผนพัฒนาประเทศไปสู่  “ไทยแลนด์ 4.0” โดยมีแผนที่จะขยายไปสู่พื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง เป็นโครงการต่อไป

- Advertisment -

นอกจากนี้ปตท.ยังอยู่ระหว่างศึกษาการนำระบบ Blockchain มาใช้กับห่วงโซ่ธุรกิจของกลุ่ม ปตท. ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจของ ปตท.ให้แข็งแกร่งขึ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาระบบดิจิทัลซึ่งอาจก่อให้เกิดธุรกิจใหม่ของปตท.ที่ก้าวสู่ระดับโลกได้ในอนาคตได้

สำหรับโครงการที่ดำเนินการโดย ExpresSo ในปี2560 ที่ผ่านมามีการเข้าลงทุนแล้ว 5 กองทุน ในรูปแบบCorporate Venture Capital(CVC) ซึ่งเป็นการลงทุนผ่านกองทุน หรือการลงทุนโดยการเข้าถือหุ้นโดยตรงภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2560  คิดเป็นเงินลงทุนกองทุนละประมาณ 8-10 ล้านเหรียญ โดยตัวอย่างของการเข้าไปลงทุน อาทิ การลงทุนจัดทำต้นแบบการจ่ายเงินผ่านระบบการจดจำใบหน้า ซึ่งทดสอบร่วมกับ Omise ที่ร้านคาเฟ่อเมซอน นอกจากนี้ ยังจัดทำต้นแบบการทำประกันรถยนต์ตามระยะทาง โดยทดสอบร่วมกับทิพยประกันภัย และต้นแบบการให้บริการด้านโดรน ในการสำรวจเพื่อวัดปริมาณสินค้าคงคลังในเหมืองถ่านหิน การบินโดรนสำรวจไร่กาแฟเพื่อดูผลผลิตเมล็ดกาแฟ เป็นต้น

นายชัยวัฒน์ สกาวจิต ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด กล่าวว่า  ที่ผ่านมา เอนโก้ ได้ออกแบบอาคารและระบบพลังงานเพื่อรองรับเทคโนโลยี  Blockchain และ AI มาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างอาคาร โดยมีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าบนหลังคา(โซลาร์รูฟท็อป) ทุกอาคารรวมกำลังผลิต 455 กิโลวัตต์ หรือคิดเป็น 2% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของเอนโก้ ที่ผ่านมาสามารถลดการใช้พลังงานหลักลงได้ถึง 80 กิโลวัตต์ต่อพื้นที่ 1 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าต่ำสุดในกลุ่มอาคารสูงในประเทศ ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะลดการใช้พลังงานได้มากขึ้นอีก

นอกจากนี้บริษัทฯยังได้เตรียมพร้อมรองรับนโยบายการซื้อขายไฟฟ้าเสรีของภาครัฐ โดยขณะนี้ได้ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปของอพาร์ทเมนท์ ที่อยู่ในพื้นที่วังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง ซึ่งเป็นอพาร์ทเมนท์ที่บริษัทฯ ไปลงทุนก่อสร้างไว้รองรับนักศึกษาโรงเรียนกำเนิดวิทย์และประชาชนทั่วไป ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปแล้ว 50 กิโลวัตต์ และยังมีพื้นที่อาคารเหลือสำหรับติดตั้งได้อีก 100 กิโลวัตต์ รวมทั้งยังมีพื้นที่สร้างอพาร์ทเมนท์ใหม่เพิ่มได้อีก ซึ่งสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มได้สำหรับขายไฟฟ้าเข้าระบบเมื่อรัฐเปิดให้ซื้อขายไฟฟ้า และในอนาคตต้องนำระบบ Blockchain มาใช้ซึ่งจะช่วยให้เกิดการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างอพาร์ทเมนท์ดังกล่าวกับอาคารในพื้นที่วังจันทร์วัลเลย์จนเป็นระบบSmart city ต่อไปได้ด้วย

ด้าน นายธัชกรณ์ วชิรมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เซอร์ทิส จำกัด กล่าวว่า การพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มอัจฉริยะในชื่อ Smart Energy Platformนั้น บริษัทฯได้ประยุกต์ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Blockchain มาช่วยยกระดับการบริหารจัดการพลังงานได้โดยปราศจากคนกลางควบคุม ซึ่งจะช่วยจัดการข้อมูลที่มีความปลอดภัยและโปร่งใส โดยผู้ใช้ระบบจะสามารถตรวจสอบข้อมูลตั้งแต่การผลิตไฟฟ้าทั้งจากระบบสายส่ง และระบบโซลาร์ของศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ ไปจนถึงปริมาณการจ่ายไฟฟ้าสู่หน่วยงานต่างๆ ในปลายทางได้แบบเรียวไทม์ อีกทั้งระบบSmart Energy Platform ยังผสานปัญญาประดิษ(AI) มาช่วยประมวลผลข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงพฤติกรรมและทิศทางการใช้ไฟฟ้าและคาดการณ์ปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งต่างๆ ได้แม่นยำขึ้น รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเชื่อมต่อแผนธุรกิจและเตรียมความพร้อมในการเปิดรับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การบริหารต้นทุนการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

Advertisment