บี.กริม เพาเวอร์ จับมือ​ อินโนพาวเวอร์​ พัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัล

- Advertisment-

“บี.กริม เพาเวอร์” ลงนามข้อตกลง​ 5​ เรื่องหลักกับ “อินโนพาวเวอร์”พัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัลตอบโจทย์การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เมื่อเร็วๆนี้​ นายนพเดช กรรณสูต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส – การลงทุน นวัตกรรม และความยั่งยืนบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) และนายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัล ใน​ 5 หัวข้อหลักดังต่อไปนี้

  1. การศึกษาการใช้เทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าในรูปแบบของเชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Hydrogen) เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  2. การพัฒนาและประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจกของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรม
  3. การสนับสนุนด้านนวัตกรรมการตลาดและด้านนวัตกรรมการจัดการ เพื่อรองรับรูปแบบการซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) โดยใบรับรองเหล่านี้มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สำคัญ ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานชีวมวล ซึ่งได้รับการยอมรับด้วยมาตรฐานใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียนในระดับสากล (The International REC Standard : I-REC)
  4. การสร้างสรรค์นวัตกรรมของระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโครงข่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ เพื่อส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  5. การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจในการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ (Venture Capital) เพื่อต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมพลังงานใหม่ๆ ในอนาคต รวมถึงการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพเพื่อผลักดันและเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างมูลค่าจากธุรกิจใหม่

โดย​ นายนพเดช กล่าวว่า​ ​ความร่วมมือกับ อินโนพาวเวอร์ ในการแบ่งปันองค์ความรู้ ประสบการณ์ และนำมาประยุกต์ใช้ในการคิดค้นเทคโนโลยีดิจิทัล ต่อยอดนวัตกรรมและพัฒนาโซลูชันอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตของพลังงานคาร์บอนต่ำ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุด สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ GreenLeap – Global and Green ของ บี.กริม เพาเวอร์ ที่พร้อมก้าวสู่เป้าหมายขององค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)

- Advertisment -

ด้าน​นาย​อธิป กล่าวว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในด้านพลังงานที่มีวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจในทิศทางเดียวกัน เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่ทั้งสองบริษัทฯ สามารถขยายงานด้านพลังงานทดแทนเพื่อสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการบริหารจัดการต้นทุนด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันทางการค้าในตลาดโลกได้ด้วย

Advertisment

- Advertisment -.