ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท.คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Dubai เฉลี่ยปี 2023 อยู่ในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

- Advertisment-

ทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน กลุ่ม ปตท. (PRISM Experts) ร่วมกับ กลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดการณ์สถานการณ์พลังงานภาพรวมปี 2023 ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน จากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และนโยบายทางการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Dubai เฉลี่ยปี 2023 จะอยู่ในกรอบ 85-95 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ด้วยเชื่อว่าเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2023 แต่อุปทานน้ำมันจากรัสเซียอาจจะหายไปจากตลาด หลังยุโรปเริ่มการคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันรัสเซียเต็มรูปแบบในปลายปี 2022 รวมทั้งความร่วมมือของ OPEC Plus ในการพยุงราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ จะสามารถเพิ่มการผลิต เพื่อชดเชยอุปทานที่ขาดหายไปจากรัสเซียได้หรือไม่ รวมถึงประเด็นการยกเลิกคว่ำบาตรต่ออิหร่าน และเวเนซุเอล่า ที่อาจเป็น Game Changer ในการเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบเข้ามาในตลาด

ในวันนี้ (23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565) นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เป็นประธานเปิดงานสัมมนาออนไลน์ 2022 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ “Thriving amid Global Energy Volatility towards Sustainable Future – เติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความผันผวนของพลังงานโลก” และได้เปิดเผยถึงสถานการณ์พลังงานของโลกในปัจจุบันว่า ยังคงอยู่ท่ามกลางความผันผวน จากสภาพเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวทำให้ความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ที่นำไปสู่วิกฤติพลังงานในหลายๆประเทศ ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือเป็นวาระเร่งด่วนที่ประชาคมโลกต่างต้องร่วมมือผลักดันการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม โดยในการประชุม COP27 ที่ผ่านมา ณ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ประเทศไทยได้ร่วมแถลงยุทธศาสตร์ชาติอย่างเป็นรูปธรรม ที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ตามที่ได้แสดงเจตนารมณ์ไว้ใน COP26 ในปีที่ผ่านมา

ท่ามกลางความผันผวนนี้ กลุ่ม ปตท. ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนเตรียมความพร้อมและจัดหาพลังงานรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการปรับทิศทางและกลยุทธ์องค์กร มุ่งพัฒนาธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ตอบรับทิศทางโลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป ทั้งธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และธุรกิจใหม่อื่นๆ พร้อมประกาศเจตนารมณ์ กลุ่ม ปตท. มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 15 ภายในปี 2030 บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2040 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ กลุ่ม ปตท. พร้อมเป็นกำลังสำคัญสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างสมดุลและยั่งยืน

- Advertisment -

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม เปิดเผยว่า ในปี 2022 นี้ หลายประเทศต่างให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานและการเข้าถึงพลังงานเป็นประเด็นหลัก อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพภูมิอากาศทั่วโลกที่แปรปรวน รวมถึงภัยธรรมชาติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เราต้องตระหนักและร่วมมือกันแก้ไขปัญหา Climate Change อย่างต่อเนื่องจริงจัง โดยนักวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน กลุ่ม ปตท. หรือ “PRISM Experts” ยังคงมุ่งมั่นนำเสนอข้อมูลและวิเคราะห์ทิศทางราคาน้ำมัน รวมถึง ความท้าทายที่อุตสาหกรรมพลังงานต้องเผชิญ เป็นที่มาของหัวข้อสัมมนาในปีนี้ “Thriving amid Global Energy Volatility towards Sustainable Future : เติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความผันผวนของพลังงานโลก”


นายสิริวิชญ์ สมรัตนกุล หนึ่งใน Prism Expert ซึ่งกล่าวในหัวข้อ The Crisis of Oil Supply สรุปว่า คาดการณ์ ซัพพลายน้ำมันดิบในปี 2023 จะอยู่ที่ประมาณ 101.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีนี้ที่ คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 99 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซัพพลายที่มาจากกลุ่ม OPEC​ในปีหน้าจะมีออกมาประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจะมีกำลังผลิตที่ลดลงจากรัสเซียประมาณ 0.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่จะมีซัพพลายที่เพิ่มขึ้นจาก OPEC​ PLUS​ ประมาณ 0.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะได้เพิ่มมาอีกจาก กลุ่ม Non OPEC​อีกประมาณ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยในส่วนกลุ่มNon OPEC นั้นยังต้องติดตามบทบาทของสหรัฐอเมริกาว่าจะมีการดำเนินมาตรการเรื่องใดออกมากับอิหร่านและเวเนซุเอลา​ ที่จะกระทบต่อซัพพลายหรือไม่

นิธิภัทร แสงดาวฉาย Prism Expert ที่วิเคราะห์เรื่อง Oil Demand Facing the Unpredented Uncertainty

ส่วน นายนิธิภัทร แสงดาวฉาย Prism Expert ที่วิเคราะห์เรื่อง Oil Demand Facing the Unpredented Uncertainty สรุปว่า มาตรการที่แต่ละประเทศนำออกมาใช้เพื่อดูแลอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูดซับสภาพคล่องในตลาดการเงิน จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวไปในทิศทางเดียวกัน โดยในปี 2023 คาดว่า ซัพพลายของน้ำมันดิบจะสูงกว่าดีมานด์เล็กน้อย จากที่ปีนี้ ดีมานด์สูงกว่าซัพพลาย ซึ่งอาจจะทำให้ราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยอ่อนตัวลงได้

เดชาธร ฐิสิฐสกร Prism Expert อีกคนซึ่งพูดถึงเรื่อง The World towards Sustainable Future

ในขณะที่นายเดชาธร ฐิสิฐสกร Prism Expert อีกคนซึ่งพูดถึงเรื่อง The World towards Sustainable Future กล่าวโดยสรุปว่า ถึงแม้ว่าโลกจะให้ความสำคัญต่อปัญหาสภาวะโลกร้อน และแต่ละประเทศต่างประกาศเป้าหมาย​ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ แต่ในช่วงของเปลี่ยนผ่านเชื่อว่าการใช้น้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะยังคงมีความสำคัญ เพราะเรื่องของพลังงานหมุนเวียนยังคงมีราคาแพง และยังไม่สามารถสร้างความมั่นคงด้านพลังงานได้ โดยการรักษาสมดุลในเรื่องของความมั่นคงด้านพลังงาน เศรษฐกิจ และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม จะต้องรอให้พลังงานหมุนเวียนมีราคาที่ถูกลงมากกว่านี้ และสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานได้ มิติของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมจึงจะถูกให้ความสำคัญ​มากขึ้นและเป็นไปอย่างยั่งยืน

สำหรับ งานสัมมนา 2022 The Annual Petroleum Outlook Forum เกิดจากความร่วมมือของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัทในกลุ่ม ปตท. เพื่อนำเสนอบทวิเคราะห์ทิศทางราคาน้ำมัน สถานการณ์พลังงานและความท้าทายที่กระทบอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลก โดยทีมนักวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน หรือ “PRISM Experts” ซึ่งดำเนินงานต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ผู้สนใจสามารถรับชมได้ทาง https://prism.pttgrp.com, YouTube และ Facebook : PRISM

Advertisment

- Advertisment -.