ซีอีโอปตท.เผยทิศทางธุรกิจปี2563 มีแนวโน้มดีขึ้น

- Advertisment-

ซีอีโอ ปตท.เผยทิศทางธุรกิจปี2563 มีแนวโน้มดีขึ้น จากธุรกิจกลุ่มน้ำมันที่กลับมาเป็นปกติ ส่งผลดีต่อผลประกอบการ ในขณะที่  ผลการดำเนินงานของปตท.ทั้งปี2562นี้ คาดจะยังเป็นไปตามเป้าหมาย

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  คาดว่าผลประกอบการของปตท.ในปี2563 จะดีขึ้นกว่าปี2562 โดยผลประกอบการในกลุ่มน้ำมัน ที่จะกลับมาเป็นปกติ จากมาตรการขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ(IMO) ที่มีมติให้จำกัดกำมะถันในน้ำมันเตาของเรือเดินสมุทรไม่เกิน 0.5% จะเริ่มบังคับใช้ 1 ม.ค.2563 ขณะเดียวกันยังต้องรอติดตาม ผลกระทบจากกรณีประเทศอังกฤษถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือ เบร็กซิต (Brexit) ที่จะเริ่มเห็นผลกระทบต่อยุโรปในช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.2562นี้  และสุดท้ายจะส่งผ่านมายังเอเชีย แต่ยังเชื่อมั่นว่า ความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีในแถบอาเซียนจะยังเติบโต ขณะที่กลุ่ม ปตท.ยังขยายการลงทุนต่อเนื่องในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ซึ่งจะยังเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตที่สำคัญ

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานของปตท.ทั้งปี2562นี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าผลประกอบการจะต่ำกว่าปี2561 ที่ผ่านมา ที่มีกำไรอยู่ที่กว่า 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของปี2562นี้ โรงกลั่นในกลุ่มปตท. 3 บริษัท ทั้ง จีซี,ไออาร์พีซี และไทยออยล์ ไม่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ประจำปีเหมือนช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ขณะเดียวกันจะใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวประจำปีใหม่เทศกาลท่องเที่ยวต้นปีหน้า ทั้งเทศกาลปีใหม่(ปี2563) และเทศกาลตรุษจีน ทำให้มีการเร่งกำลังการผลิตล่วงหน้า ส่งผลให้ราคาส่วนต่างผลิตภัณฑ์(สเปรด)ทั้งน้ำมันดีเซล เบนซิน และน้ำมันเครื่องบิน ในช่วงครึ่งหลังปี 2562 ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สเปรดในกลุ่มปิโตรเคมีเริ่มนิ่งขึ้น จากครึ่งแรกของปี 2562 ที่อ่อนตัวลงจากผลกระทบราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง และปัญหาสงครามการค้า

- Advertisment -
Advertisment

- Advertisment -.