ครม.ไฟเขียวงบปี2563ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย 4.79 ล้านเหรียญสหรัฐ

- Advertisment-

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่24ก.ย.2562 เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน 4,791,700 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 146 ล้านบาท) และแผนการดำเนินงานประจำปี 2563 ขององค์กรร่วมไทย – มาเลเซียตามที่กระทรวงพลังงาน นำเสนอ

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC ) รายงานว่า  มติครม.ดังกล่าว เป็นไปตามมติที่ประชุมของคณะกรรมการองค์กรร่วมฯ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมาซึ่งได้เห็นชอบงบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2563 ขององค์กรร่วมฯ จำนวน 4,791,700 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 146 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 หรือ 209,400 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6.4 ล้านบาท) จากงบประมาณที่ได้รับอนุมัติในปี 2562 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานและค่าใช้จ่ายที่เป็นทุนเพิ่มขึ้น โดยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นประกอบด้วยการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนและสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ ค่าขนย้ายและเดินทางของเจ้าหน้าที่ที่จะครบวาระการปฏิบัติงาน และเจ้าหน้าที่ที่จะได้รับการแต่งตั้งใหม่ การจัดซื้อรถยนต์เพื่อทดแทนคันเดิมที่ใช้งานมากกว่า 7 ปี จำนวน 1 คัน

สำหรับองค์กรร่วมไทย – มาเลเซียนั้น จัดตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2533 เพื่อดำเนินการและรับผิดชอบแทนรัฐบาลทั้งสองประเทศในการสำรวจและแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีชีวิตในพื้นดินใต้ทะเลและใต้ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิโตรเลียมในพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area : JDA) ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้ทะเลบริเวณไหล่ทวีประหว่างประเทศไทยและมาเลเซียในบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง (ประมาณ 260 กิโลเมตรจากจังหวัดสงขลา) ซึ่งทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์เหลื่อมล้ำกัน มีเนื้อที่ประมาณ 7,250 ตารางกิโลเมตร โดยแบ่งพื้นที่สำรวจเป็น 2 พื้นที่ คือ แปลง A-18 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 3,000 ตารางกิโลเมตร และแปลง B-17 และ C-19 ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 4,250 ตารางกิโลเมตร และมีสำนักงานใหญ่ขององค์กรร่วมฯ อยู่ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

- Advertisment -

ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซียได้แต่งตั้งคณะกรรมการองค์กรร่วมฯ เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐบาลทั้งสองประเทศ ซึ่งประกอบด้วยประธานร่วมฝ่ายละ 1 คน และสมาชิกฝ่ายละ 6 คน (ฝ่ายไทยมีนายคุรุจิต นาครทรรพ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ซึ่งจะครบกำหนดการดำรงตำแหน่งในวันที่ 1 ตุลาคม 2562) โดย คณะกรรมการองค์กรร่วมฯ จะดำเนินการควบคุมการสำรวจและแสวงประโยชน์และเป็นผู้รับผิดชอบในการกำหนดนโยบาย ในพื้นที่พัฒนาร่วมดังกล่าว

Advertisment