กบน.หั่นราคาดีเซลลงอีก 50 สตางค์ต่อลิตร เหลือ 31.94 บาทต่อลิตร มีผล 15 พ.ค. 2566

- Advertisment-

คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) สั่งลดราคาดีเซลรอบที่ 6 อีก 50 สตางค์ต่อลิตร มีผล 15 พ.ค. 2566 หลังราคาน้ำมันโลกลดลง ส่งผลราคาดีเซลจะกลับมาอยู่ระดับ 31.94 บาทต่อลิตร ยอมรับเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซลเข้ากองทุนฯ สูงกว่าลิตรละ 7 บาท เพื่อรองรับการปรับขึ้นภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร หลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีดีเซล 20 ก.ค. 2566 ด้านสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เร่งพิจารณามาตรการควบคุมค่าการตลาดน้ำมันเบนซิน หลังพบพุ่งสูงกว่า 4 บาทต่อลิตรแล้ว

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับลดราคาน้ำมันดีเซลอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาดีเซลอยู่ที่ 31.94 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. 2566 ซึ่งถือเป็นการลดลงเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา และเป็นการปรับลดราคาเป็นรอบที่ 2 ของเดือน พ.ค. 2566 นี้ โดยการปรับลดราคาลง 50 สตางค์ต่อลิตรในครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน และลดต้นทุนค่าขนส่ง รวมทั้งเพื่อไม่ให้ราคาดีเซลเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนอยู่  

ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยคาดว่าราคาน้ำมันตลาดโลกในเดือน พ.ค. 2566 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 86.42 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามจะมีการปรับลดราคาดีเซลอีกครั้งหรือไม่นั้น ต้องรอดูผลการประชุมของโอเปคพลัสในวันที่ 4 มิ.ย. 2566  

- Advertisment -

สำหรับสถานะกองทุนน้ำมัน ณ วันที่ 7 พ.ค. 2566 กองทุนน้ำมันฯ มีเงินไหลเข้าสุทธิ 561.82 ล้านบาทต่อวัน หรือ 17,416 ล้านบาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็นเงินไหลเข้าจากน้ำมัน 553.20 ล้านบาทต่อวัน และก๊าซหุงต้ม(LPG) มีเงินไหลเข้า 8.62 ล้านบาทต่อวัน

ส่งผลให้ภาพรวมฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ ณ วันที่ 7 พ.ค. 2566 ติดลบเหลือ 79,327 ล้านบาท มาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 32,581 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 46,746 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสถานการณ์ดีขึ้นจากปี 2565 ที่กองทุนฯติดลบกว่า 1.3 แสนล้านบาท

ส่วนกรณีเงินกู้นั้น ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) ได้กู้เงินอีก 2 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยคาดว่าเงินจะเข้ากลางเดือน พ.ค. 2566 นี้ และขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอ กบน. ขอกู้อีก 2 หมื่นล้านบาท จากกรอบวงเงินของปี 2566 จำนวน 8 หมื่นล้านบาท ส่วนปี 2565 สกนช.ได้กู้เงินไปแล้ว 3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันกองทุนฯ ทำการกู้เงินจากสถาบันการเงินรวม 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้กู้ได้ไม่เกิน 1.5 แสนล้านบาท

สำหรับค่าการตลาดน้ำมัน ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 9 พ.ค. 2566 ค่าการตลาดน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 1.37 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดน้ำมันเบนซินอยู่ที่ประมาณ 4 บาทต่อลิตร โดยเฉลี่ยตั้งแต่วันที่ 1-9 พ.ค. 2566 ค่าการตลาดน้ำมันอยู่ที่ 3.13 บาทต่อลิตร  ทั้งนี้ กบน. ได้ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันควบคุมค่าการตลาดดีเซลไม่ให้เกิน 1.80 บาทต่อลิตร เนื่องจากภาวะราคาน้ำมันโลกยังผันผวน และดีเซลเป็นน้ำมันที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนค่าการตลาดเบนซินที่ปรับสูงขึ้นในขณะนี้ ทาง สนพ. กำลังพยายามหากลไกดูแลให้ค่าการตลาดอยู่ในระดับเหมาะสมทั้งฝ่ายผู้จำหน่ายและผู้บริโภค แต่ปัจจุบันค่าการตลาดน้ำมันเบนซินถือเป็นการเปลี่ยนแปลงตามกลไกตลาด ซึ่งภาครัฐไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้

อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทุนน้ำมันฯ ปัจจุบันได้เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้ดีเซลส่งเข้ากองทุนฯ 7.39 บาทต่อลิตร เนื่องจากต้องเก็บเงินส่วนนี้ไว้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันโลก รวมถึงกรณีหากรัฐบาลกลับมาเก็บภาษีดีเซลคืน 5 บาทต่อลิตร หลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีดีเซล 20 ก.ค. 2566 โดยกองทุนฯ จะเข้าไปชดเชยภาษีแทน เพื่อไม่ให้ราคาจำหน่ายดีเซลดีดกลับขึ้นไปถึง 5 บาทต่อลิตร ทั้งนี้กองทุนฯ ต้องการมีเงินที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ดีเซลขั้นต่ำ 1.5 บาทต่อลิตร ดังนั้นปัจจุบันเรียกเก็บได้ 7.39 บาทต่อลิตร แต่หากต้องช่วยจ่ายภาษีดีเซลคืน 5 บาทต่อลิตร กองทุนฯ ก็ยังเหลือเงินกว่า 2 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ ยังพยุงตัวเองอยู่ได้  

ส่วนสถานการณ์ราคา LPG โลก ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 550 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน โดยราคา LPG ขายปลีกที่แท้จริงจะอยู่ที่ 28.73 บาทต่อกิโลกรัม หรือเท่ากับ 465.9 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม แต่กองทุนฯ ได้เข้าไปอุดหนุนราคาไว้ 2.86 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ราคาจำหน่ายปลีกอยู่ที่ 25.86 บาทต่อกิโลกรัม หรือ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม  โดยกรอบวงเงินที่ใช้ชดเชย LPG รวม 48,000 ล้านบาท ปัจจุบันใช้ไปแล้ว 46,746 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บัญชี LPG ยังมีเงินไหลเข้า 8.62 ล้านบาทต่อวัน ดังนั้นเชื่อว่ากรอบวงเงิน 48,000 ล้านบาท จะใช้ดูแล LPG ได้จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่มาพิจารณาต่อไป

Advertisment

- Advertisment -.