กบน.สั่งขึ้นดีเซลอีก 1 บาทต่อลิตร ขณะกลุ่มเบนซินลดเก็บเงินเข้ากองทุนฯ มีผลพรุ่งนี้

- Advertisment-

คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) สั่งขึ้นราคาดีเซลอีกรอบ 1 บาทต่อลิตร ส่งผล 7 มิ.ย. 2565 ราคาหน้าปั๊มขยับเป็น 33.94 บาทต่อลิตร เหตุราคาน้ำมันโลกยังพุ่งไม่หยุด ระบุจะทยอยขึ้นราคาตามนโยบายคนละครึ่งที่ 36.41 บาทต่อลิตรภายในสิ้นเดือน มิ.ย. 2565 พร้อมหันมาช่วยกลุ่มเบนซิน โดยลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯบางส่วน ส่งผลพรุ่งนี้ราคามีแนวโน้มลดลงได้ 50 สตางค์ ถึง 1 บาทต่อลิตร เหตุเดือน พ.ค. กลุ่มเบนซินถูกปรับราคาขึ้นมา 10 ครั้ง จึงต้องช่วยบรรเทาผลกระทบ ด้านรัฐมนตรีพลังงานสั่งหารือมาตรการช่วยราคาดีเซลและ LPG หลังสิ้นสุดเดือน มิ.ย. 2565 ต่อเนื่อง

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ในวันที่ 6 มิ.ย. 2565 มีมติให้ปรับขึ้นราคาดีเซลอีก 1 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 7 มิ.ย. 2565 ส่งผลให้ราคาหน้าปั๊มจะเพิ่มจาก 32.94 บาทต่อลิตร เป็น 33.94 บาทต่อลิตร ทั้งนี้เนื่องจากราคาน้ำมันโลกขยับสูงขึ้นมาต่อเนื่อง และฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังติดลบหนัก โดยยังไม่ได้รับเงินกู้เข้ามาพยุงกองทุนฯ ตามที่คาดไว้แต่อย่างใด

ทั้งนี้การปรับขึ้นราคาดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ผ่านมา ซึ่งให้ปรับขึ้นราคาดีเซลแบบคนละครึ่งของเงินที่นำไปชดเชยราคาดีเซล ระหว่างเดือน พ.ค. –มิ.ย. 2565 โดยปัจจุบันกองทุนฯ ชดเชยดีเซลอยู่ 8.81 บาทต่อลิตร จากเดิมชดเชยอยู่ 9.18 บาทต่อลิตร (หลังจากขึ้นราคาดีเซลเป็น 33.94 บาทต่อลิตรแล้ว) ดังนั้นการปรับขึ้นราคาจะสามารถปรับขึ้นได้สูงสุดอยู่ที่ 36.41 บาทต่อลิตร หรือเท่ากับเหลือช่องว่างให้ปรับขึ้นราคาได้อีก 2.41 บาทต่อลิตร ภายในสิ้นเดือน มิ.ย. 2565 นี้ และคาดว่าสัปดาห์หน้าแนวโน้มราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวระดับสูง จนอาจต้องปรับขึ้นราคาดีเซลอีกครั้ง

- Advertisment -

นอกจากนี้ กบน. ยังมีมติให้ช่วยเหลือผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน โดยปรับลดเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตั้งแต่ 7- 30 มิ.ย. 2565 นี้ โดยกลุ่มแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ปรับลดการจัดเก็บจาก 1.02 บาทต่อลิตร เหลือ 0.09 บาทต่อลิตร และแก๊สโซฮอล์ E20 ปรับลด โดยเดิมเก็บเงินเข้ากองทุนอยู่ 0.12 บาทต่อลิตร ก็เปลี่ยนเป็นการชดเชยราคาที่ 0.82 บาทต่อลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันหน้าปั๊มลดลงได้ประมาณ 50 สตางค์ต่อลิตร จนถึง 1 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ขึ้นกับราคาน้ำมันโลกที่จะเกิดขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 6 มิ.ย. 2565 นี้ด้วย โดยการลดราคาจะมีผลทันทีพรุ่งนี้(7 มิ.ย. 2565 )     

สำหรับการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนฯ ดังกล่าวจะส่งผลให้เงินไหลเข้ากองทุนฯลดลง จากเดิมมีเงินจากผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินไหลเข้ากองทุน 26.66 ล้านบาทต่อวัน ก็จะลดลงเหลือ 0.66 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งการพิจารณาช่วยเหลือในครั้งนี้เกิดจาก กบน.พิจารณาเห็นว่าเมื่อเดือน พ.ค. 2565 มีการปรับขึ้นราคากลุ่มเบนซินถึง 10 ครั้ง แต่ลดราคาเพียง 1 ครั้ง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จึงบรรเทาผลกระทบให้ประชาชนจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2565 นี้ หลังจากนั้นจะกลับมาพิจารณากันใหม่

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สกนช. กล่าวว่า สำหรับสถานะกองทุน ฯ ล่าสุด ณ วันที่ 5 มิ.ย. 2565 ติดลบรวม 86,028 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 50,147 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 35,881 ล้านบาท ซึ่งการปรับขึ้นราคาดีเซลจะมีผลให้เงินกองทุนไหลออกลดลงจาก 570.67 ล้านบาทต่อวัน เหลือไหลออก 539.59 ล้านบาทต่อวัน และคาดว่าสัปดาห์หน้ากองทุนฯ อาจจะติดลบแตะระดับ 90,000 ล้านบาท หากราคาน้ำมันยังไม่ปรับลดลง

อย่างไรก็ตามปัจจุบันกองทุนฯยังมีเงินสดที่ฝากไว้ที่ธนาคารและกรมบัญชีกลางอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถดูแลราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้ม(LPG) ได้จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. 2565 นี้ ส่วนการกู้เงิน 2 หมื่นล้านบาท ยังอยู่ระหว่างกระบวนการขอกู้กับสถาบันการเงิน และยังมีเงินอุดหนุนจากภาครัฐที่ ครม.เคยอนุมัติไว้ว่าให้สามารถนำมาใช้ดูแลราคาน้ำมันหากจำเป็นได้ในวงเงินประมาณ 33,000 ล้านบาท และดูแล LPG อีก 3,600 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินกู้ก็จะมีเงินดูแลราคาพลังงานในอนาคตได้กว่า 5 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ให้ กบน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาแนวทางดูแลราคาดีเซล และ LPG หลังสิ้นสุดมาตรการในเดือน มิ.ย. 2565 ว่าควรดำเนินการอย่างไรนับตั้งแต่เดือน ก.ค.2565 เป็นต้นไปด้วย   

Advertisment

- Advertisment -.