กฟผ.นำสื่อมวลชนอัปเดตเทคโนโลยี SMR และพลังงานไฮโดรเจน สู่เป้าหมาย Net Zero 2050

226
- Advertisment-

กฟผ. นำสื่อมวลชนจากประเทศไทย อัปเดตเทรนด์นวัตกรรมพลังงานสะอาด ศึกษาความก้าวหน้าของเทคโนโลยี SMR และพลังงานไฮโดรเจน ณ สาธารณรัฐเกาหลี สื่อสารสร้างความเข้าใจ ผลักดันความมั่นคงทางพลังงานและขับเคลื่อนประเทศสู่ Net Zero อย่างยั่งยืน

คณะผู้บริหารของ กฟผ.นำโดย นายวฤต รัตนชื่น รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายชวลิต กันคำ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน นายศุภชัย คูณเศรษฐ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนา นายเอกรัฐ สมินทรปัญญา ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า นายไชยยศ ตั้งวรกุลชัย ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน และสื่อมวลชนด้านเศรษฐกิจ พลังงาน และอุตสาหกรรม เดินทางศึกษาดูงานเทคโนโลยี Small Modular Reactor (SMR) ที่ศูนย์วิจัยกลาง (Central Research Institute : CRI) ของบริษัท Korea Hydro & Nuclear Power Co., Ltd. (KHNP) พร้อมเยี่ยมชมโรงงานผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ของ KEPCO Nuclear Fuel (KNF) และโรงงานผลิตเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนของบริษัท Doosan Enerbility Co., Ltd. รวมถึงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับพันธมิตรด้านพลังงาน ระหว่างวันที่ 15 – 19 ธันวาคม 2568 ณ สาธารณรัฐเกาหลี

นายวฤต รัตนชื่น รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ. เผยว่า ในฐานะหน่วยงานหลักในการดูแลความมั่นคงระบบไฟฟ้าของประเทศ กฟผ. มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานที่สะอาดและยั่งยืน ด้วยการเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้มากกว่าร้อยละ 50 ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP2024) โดยที่ผ่านมา กฟผ. ได้เดินหน้าหลายโครงการสำคัญ เช่น โครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำในเขื่อน กฟผ. ทั่วประเทศ สอดรับกับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน การปรับปรุงโครงข่ายไฟฟ้าให้ทันสมัย (Grid Modernization) เพื่อรองรับความผันผวนของพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ พัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) รวมถึงเทคโนโลยี SMR เพื่อสนับสนุนประเทศสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

- Advertisment -

สำหรับร่างแผน PDP 2024 กำหนดให้มีโรงไฟฟ้า SMR จำนวน 2 โรง รวมกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์ ภายในปี 2580 ทั้งนี้ กฟผ. ติดตามพัฒนาการของเทคโนโลยี SMR จากนานาประเทศอย่างใกล้ชิด ร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ที่สำคัญคือ บริษัท KHNP  ในการศึกษาและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคนิค รวมถึงการพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับโครงการ SMR ของประเทศไทย ซึ่ง KHNP ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของโลก มีประสบการณ์กว่า 50 ปี และมีศูนย์วิจัยกลาง CRI  ณ เมืองแทจอน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านการวิจัยเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์รุ่นใหม่ รวมถึงระบบความปลอดภัย ล่าสุดได้พัฒนาเทคโนโลยี i-SMR ที่ใช้น้ำเป็นตัวหล่อเย็น ติดตั้งแบบฝังใต้ดิน พร้อมระบบความปลอดภัยแบบ Passive Safety สามารถหยุดการทำงานอัตโนมัติในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ต้องพึ่งไฟฟ้าหรือบุคลากรควบคุม ภายในศูนย์ยังจัดแสดงแนวคิด Smart City ผสานพลังงานจาก i-SMR พลังงานหมุนเวียน และไฮโดรเจน เพื่อพัฒนาเมืองแทกูสู่ “Smart Net-Zero City” โดยมีศูนย์ควบคุมที่ใช้ AI และเทคโนโลยี ICT  ในการบริหารจัดการระบบพลังงานแบบครบวงจร

สาธารณรัฐเกาหลีเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ Top 5 ของโลก เป็นประเทศที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากที่สุด จำนวน 26 โรง คิดเป็นร้อยละ 30 ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศ ซึ่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ทั้งหมดจัดหาโดยบริษัท KNF ผู้ผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์รายเดียวของประเทศที่สามารถผลิตเชื้อเพลิงทั้งสำหรับเครื่องปฏิกรณ์ชนิด Light Water (LWR) และ Heavy Water (HWR) ผ่านมาตรฐาน ISO 19443:2018 เพื่อรองรับห่วงโซ่อุปทานนิวเคลียร์ระดับสากล โดยในแผนพลังงานแห่งชาติฉบับที่ 11 มีแผนเดินหน้าพัฒนาโครงการ SMR ขนาด 680 MWe ผ่านเทคโนโลยี “i-SMR (Innovative Small Modular Reactor)” จำนวน 4 โมดูล พัฒนาโดยกลุ่มบริษัทและสถาบันวิจัยชั้นนำของเกาหลีใต้ (เช่น KHNP, KAERI, KEPCO E&C) ภายใต้ i-SMR Consortium ตั้งเป้าก่อสร้างแห่งแรกและเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ภายในปี 2035

นอกจากนี้ กฟผ. ยังให้ความสำคัญกับพลังงานไฮโดรเจน โดยได้ร่วมศึกษากับหลายหน่วยงาน อาทิ Doosan เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีพลังงานปลอดคาร์บอน อาทิ ไฮโดรเจน แอมโมเนีย และเซลล์เชื้อเพลิง โดย กฟผ. ได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการผสมไฮโดรเจนร้อยละ 5 กับก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ กฟผ. จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าวังน้อย โรงไฟฟ้าบางปะกง โรงไฟฟ้าน้ำพอง และโรงไฟฟ้าจะนะ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรายงานผลการศึกษาข้อจำกัดของโรงไฟฟ้าต่อคณะกรรมการ กฟผ. พร้อมทั้งจับมือกับบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่น อาทิ บริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด (MCT) ศึกษาและพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงไฮโดรเจนและแอมโมเนียบนพื้นที่ศักยภาพของ กฟผ. 

สาธารณรัฐเกาหลีเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาระบบไฮโดรเจนที่ก้าวหน้าที่สุด ภายใต้นโยบาย Hydrogen Economy Roadmap ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การกักเก็บ ไปจนถึงระบบสถานีบริการและการใช้ในภาคพลังงาน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงที่มีการพัฒนาเชิงพาณิชย์จำนวนมาก เช่น โครงการ Shinincheon Bitdream โรงไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กำลังผลิต 78.96 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีของ Doosan ทั้งหมด

วฤต รัตนชื่น รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ กฟผ.

“SMR และ ไฮโดรเจนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้เร็วขึ้นจากปี 2065 เป็นปี 2050 กฟผ. พร้อมเดินหน้าสนับสนุนร่วมกับพันธมิตรนานาชาติเพื่อยกระดับความมั่นคงทางพลังงานของไทย ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านพลังงานสีเขียวอย่างยั่งยืน ” นายวฤต รัตนชื่น กล่าวย้ำในตอนท้าย

เอกรัฐ สมินทรปัญญา ผู้ช่วยผู้ว่าการแผนงานโรงไฟฟ้า
ชวลิต กันคำ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
ศุภชัย คูณเศรษฐ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัย นวัตกรรม และพัฒนา
ไชยยศ ตั้งวรกุลชัย ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน

ข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท Korea Electric Power Corporation : KEPCO

• รัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้าของสาธารณรัฐเกาหลี

• ทำหน้าที่บริหารและลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้า ส่ง และจำหน่ายไฟฟ้า รวมถึงลงทุนในโครงการขนาดใหญ่

• เป็นบริษัทแม่ของหลายบริษัทลูกด้านพลังงาน อาทิ  KHNP (พลังน้ำและนิวเคลียร์) KEPCO Nuclear Fuel (KNF) (ผลิตเชื้อเพลิงนิวเคลียร์)  KEPCO KPS (บำรุงรักษาโรงไฟฟ้า)  

บริษัท Korea Hydro & Nuclear Power Co., Ltd.  : KHNP 

• เป็นบริษัทลูกของ KEPCO

• รับผิดชอบการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำและพลังงานนิวเคลียร์

• เป็นผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดในเกาหลีใต้ พัฒนา ออกแบบ เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เช่น APR1400 iSMR

ISO 19443 

• มาตรฐานสากลที่ออกแบบมาสำหรับภาคส่วนนิวเคลียร์ โดยมุ่งเน้นที่การจัดการคุณภาพที่จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่สำคัญต่อความปลอดภัยของนิวเคลียร์

Advertisment