น้ำมันโลกลด กบน.ได้จังหวะเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันส่งเข้ากองทุนฯ เพิ่มอีก 70-80 สตางค์ต่อลิตร

303
- Advertisment-

น้ำมันโลกทยอยปรับลดราคาลง ส่งผลค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันพุ่งเกือบ 4 บาทต่อลิตร คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.)ได้จังหวะ เรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนฯ หวังลดค่าการตลาด โดยเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ เพิ่มอีก 80 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลเพิ่มอีก 70 สตางค์ต่อลิตร กองทุนฯ รับอานิสงส์เงินไหลเข้าปรับฐานะกองทุนฯ ติดลบลดลงกว่า 1 หมื่นล้านบาท เหลือ -106,843 ล้านบาท  

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center – ENC) รายงานสถานการณ์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ยังคงเร่งเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันเพื่อส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2567 กบน. ได้ประกาศเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันทั้งกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ รวมถึงกลุ่มดีเซล ส่งเข้ากองทุนฯ เพิ่มขึ้นอีก 70-80 สตางค์ต่อลิตร  

โดย กบน. สั่งเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพิ่มขึ้นอีก 80 สตางค์ต่อลิตร โดยอัตราเรียกเก็บเงินผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ 95 และ 91 เพิ่มขึ้นจาก 4.10 บาทต่อลิตร เป็น 4.90 บาทต่อลิตร ส่วนผู้ใช้แก๊สโซฮอล์ E20 เก็บเพิ่มจาก 2.11 บาทต่อลิตร เป็น 2.91 บาทต่อลิตร  ส่วนที่เหลือเรียกเก็บในอัตราเดิมคือ ผู้ใช้เบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บ 10.68 บาทต่อลิตร และผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 ถูกเรียกเก็บ 1.46 บาทต่อลิตร  

- Advertisment -

ขณะที่ผู้ใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล ทั้งดีเซล B7, ดีเซล B20 และดีเซลเกรดพรีเมียม ถูกเรียกเก็บเงินเพิ่ม 70 สตางค์ต่อลิตร โดยดีเซล B7 และ B20 ถูกเรียกเก็บเพิ่มจาก 2.06 บาทต่อลิตร เป็น 2.76 บาทต่อลิตร ขณะที่ดีเซลเกรดพรีเมียมถูกเก็บเพิ่มจาก 3.56 บาทต่อลิตร เป็น 4.26 บาทต่อลิตร   

ทั้งนี้การเรียกเก็บเงินในอัตราดังกล่าว ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ เริ่มมีสถานะเงินติดลบลดน้อยลง โดยจากการรายงานของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2567 พบว่า ฐานะเงินกองทุนน้ำมันฯ เริ่มติดลบลดลงกว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันสถานะเงินกองทุนน้ำมันฯ ติดลบรวม -106,843 ล้านบาท ลดลงจากเดือน ก.ค. 2567 ที่ติดลบประมาณ 111,663 ล้านบาท โดยมาจากบัญชีน้ำมันติดลบลดลงเหลือ -59,359 ล้านบาท จากเดือน ก.ค. 2567 ที่ติดลบรวม -64,066 ล้านบาท ขณะที่บัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ยังคงติดลบใกล้เคียงกับเดือน ก.ค. 2567 โดยปัจจุบันติดลบรวม -47,848 ล้านบาท สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือน ก.ค. 2567 ที่ติดลบรวม -47,597 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ที่รายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ณ วันที่ 9 ก.ย. 2567 พบว่าค่าการตลาดกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ยังคงทรงตัวระดับสูงเกือบ 4 บาทต่อลิตร โดยน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ถูกเรียกเก็บค่าการตลาดถึง 5.54 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 มีค่าการตลาดที่ 3.90 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 3.97 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 3.67 บาทต่อลิตร, น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 1.83 บาทต่อลิตร, น้ำมันดีเซล อยู่ที่ 2.13 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซล B20 อยู่ที่ 0.80 บาทต่อลิตร  ซึ่งโดยเฉลี่ยค่าการตลาดตั้งแต่ 1-9 ก.ย. 2567 อยู่ที่ 2.55 บาทต่อลิตร (จากค่าการตลาดที่ควรได้ที่ 1.50-2 บาทต่อลิตร)

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแม้กองทุนน้ำมันฯ จะเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ เพื่อส่งเข้ากองทุนฯ ในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง แต่ค่าการตลาดน้ำมันก็ยังคงสูงอยู่ อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันโลกเริ่มปรับตัวลดลง ทำให้ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายหน้าปั๊มไม่ทัน ส่งผลให้ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันยังคงทรงตัวระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกล่าสุด ณ วันที่ 9 ก.ย. 2567 เวลาประมาณ 15.00 น. ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 73.14 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ลดลง 4.45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 68.68 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.01 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 72.05 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.99 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

Advertisment