“กุลิศ” พร้อม จับมือ ส.อ.ท. เพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน ในแผนPDP2018ที่ปรับปรุงใหม่

- Advertisment-

ปลัดพลังงาน เผยผลหารือร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ยืนยันร่วมกันปรับสัดส่วนพลังงานทดแทนในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ(PDP2018)ใหม่ พร้อมยกเลิก “มาตรการหยุดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 8ปี” โดยจะเร่งรับซื้อให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันให้ ส.อ.ท.ร่วมเสนอพื้นที่สร้างโรงไฟฟ้าชุมชน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาในเดือน ก.ย. 2562 มั่นใจสมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย ถอนฟ้องกระทรวงพลังงานกรณีขอให้เพิกถอนแผน PDP2018 หลังจับมือทำงานร่วมกัน

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้หารือกับหลายกลุ่มด้านพลังงานทดแทนของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เช่น กลุ่มชีวมวล กลุ่มพืชพลังงาน กลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ กลุ่มพลังงานลม และกลุ่มอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น โดยกระทรวงพลังงานจะประสานงานร่วมกับ ส.อ.ท.ในการปรับสัดส่วนพลังงานทดแทนในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ พ.ศ. 2561-2580(PDP2018)ใหม่ให้เหมาะสมมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรวม 30% ของเชื้อเพลิงทั้งหมด โดยเบื้องต้นยกเลิกมาตรการ การหยุดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 8 ปี ตามนโยบายเดิมที่เคยประกาศไว้ และจะมีการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ได้ให้ ส.อ.ท.เข้ามามีส่วนร่วมนำเสนอพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนด้วย ซึ่งจะทำควบคู่กับคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานสายส่งไฟฟ้า ของกระทรวงพลังงาน ที่กำลังคัดเลือกพื้นที่ชุมชนที่เหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งต้องประกอบด้วยการมีสายส่งไฟฟ้ารองรับ มีไฟฟ้าเหลือใช้ และกำลังพิจารณาว่าควรเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภทใดในแต่ละพื้นที่ เป็นต้น
ทั้งนี้คาดว่าเดือน ก.ย. 2562 จะนำผลการสรุปคัดเลือกพื้นที่ดังกล่าวจาก ส.อ.ท.และในส่วนของกระทรวงพลังงาน มาพิจารณาร่วมกัน ว่าพื้นที่ใดสร้างโรงไฟฟ้าได้หรือไม่ได้ และควรเป็นโรงไฟฟ้าประเภทใด ซึ่งขึ้นอยู่กับศักยภาพพลังงานของแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ ซึ่งในครั้งนี้จะพิจารณาพลังงานทุกประเภท รวมถึงพลังงานจากหญ้าเนเปียร์ด้วย จากนั้นจะให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) จัดทำแพลตฟอร์มซื้อขายไฟฟ้าใหม่ในบางพื้นที่ หรือ Sandbox สำหรับใช้กับโรงไฟฟ้าชุมชนที่กำลังจะสร้างขึ้นในอนาคต

- Advertisment -

สำหรับในส่วนของการผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์นั้น กระทรวงพลังงานจะจัดสัมมนาเพื่อรวบรวมข้อมูลว่าพื้นที่ใดผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียร์สำเร็จ และหากไม่สำเร็จเกิดจากปัญหาอะไร นำมาปรับแก้ไข เพื่อเดินหน้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากหญ้าเนเปียต่อ หลังจากโครงการดังกล่าวยุติมาหลายปีแล้ว

นายกุลิศ กล่าวว่า จากการหารือความร่วมมือด้านพลังงานทดแทนดังกล่าวร่วมกับ ส.อ.ท. เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2562 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่ากระทรวงพลังงานเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน และยังเป็นเวทีให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแผน PDP ด้วย ดังนั้นนายสุวัฒน์ กมลพนัส ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน ส.อ.ท. จึงเตรียมหารือร่วมกับสมาชิกเพื่อพิจารณาการถอนฟ้องกระทรวงพลังงานกรณีขอให้เพิกถอนแผน PDP2018 เนื่องจากเห็นว่ากระทรวงพลังงานได้เปิดเวทีให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดทำแผนPDP2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่1 ดังนั้นปัญหาที่ผ่านมาน่าจะแก้ไขร่วมกันได้

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC) รายงานว่า ที่ผ่านมา สมาคมการค้าก๊าซชีวภาพไทย ได้ยื่นฟ้องกระทรวงพลังงานพร้อมพวกรวม 4 คน (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย-สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน-คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ) ต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2562  เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่ง “เพิกถอน” แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 หรือ PDP 2018 ที่สมาคมเห็นว่ามีการดำเนินการจัดทำแผนโดยไม่ชอบ และยังขอให้ศาล “เพิกถอน” มติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2562 ที่ให้ความเห็นชอบกับแผน PDP ฉบับดังกล่าวด้วย

Advertisment

- Advertisment -.