ครม.ขยายเวลาเบิกงบกลางได้ถึงมี.ค.2562 เพื่อชดเชยต้นทุนที่เอาน้ำมันปาล์มไปผลิตไฟฟ้า

- Advertisment-

คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติให้ขยายเวลาการเบิกจ่ายงบกลางสำหรับกระทรวงพาณิชย์ไปถึงมี.ค.2562 เพื่อนำไปใช้ในมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์ม ปี 2561 โดยเน้นให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) นำน้ำมันปาล์มดิบไปเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า ในโรงไฟฟ้าบางปะกง หวังช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นสต็อกได้จำนวน 160,000 ตัน ภายในระยะเวลา 2 – 3 เดือน  โดยกฟผ.จะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในวงเงิน 525ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน(Energy News Center-ENC) รายงานว่า เว็บไซต์ www.thaigov.go.th ได้เผยแพร่มติการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 พ.ย. 2561เรื่อง มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ โดย ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในใช้จ่ายงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม 2562 เพื่อนำไปใช้จ่ายตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ วงเงิน 525ล้านบาท

สำหรับสาระสำคัญของมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ เน้นไปที่การใช้น้ำมันปาล์มดิบในการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) จะรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากพื้นที่แหล่งผลิตที่สำคัญ เช่น กระบี่  สุราษฎร์ธานี ชุมพร เป็นต้น  จำนวน 160,000 ตัน ในช่วง พฤศจิกายน 2561 – กุมภาพันธ์ 2562  เพื่อนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งคาดว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 576 ล้านหน่วยและ กฟผ.จะขอรับเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างต้นทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นเชื้อเพลิงกับรายได้จากการขายกระแสไฟฟ้า ในวงเงิน 525ล้านบาท จากงบกลาง

- Advertisment -

ทั้งนี้คาดว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยให้ปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินในระบบลดลงไม่น้อยกว่า 160,000 ตันส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์ม ความต้องการใช้และสต็อกน้ำมันปาล์มในประเทศอยู่ในระดับสมดุล รวมทั้งราคาผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มหลังดำเนินมาตรการปรับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับราคาก่อนดำเนินมาตรการและมีเสถียรภาพมากขึ้น

Advertisment